บันเทิง
‘เปาวลี’ ไม่ลืมชีวิตติดดิน แม้ดังได้เพราะ ‘แม่พุ่ม’
‘เปาวลี’ ไม่ลืมชีวิตติดดิน แม้ดังได้เพราะ ‘แม่พุ่ม’
ถึงแม้จะโด่งดังได้ดีมาเป็นนักร้องแต่สำหรับชีวิตสาวบ้านนาก็ยังโหยหาชีวิตที่เรียบง่าย แถมยังไม่ลืมชีวิตที่ติดดินอยู่เสมอ สำหรับ
‘เปาวลี พรพิมล เฟื่องฟุ้ง’ สาวเสียงเหน่อจากเมืองสุพรรณฯ นักร้องลุุกทุ่งน้องใหม่ที่แจ้งเกิดจากบทของราชินีลุกทุ่ง ‘พุ่มพวง ดวงจันทร์’
ทำให้เธอต้องย้ายจากบ้านเกิดสุพรรณมาอยู่ที่กรุงเทพ ซึ่งก็บอกผ่านรายการดังไว้ว่า ไม่ค่อยได้กลับเลย คิดถึงบ้านมาก อยากจับปลา
อึดอัดไม่ได้ทำกับข้าว อยากทำกับข้าวมากๆ เพราะในอดีตเคยอยู่แต่ห้องเช่าทำกับข้าวไม่ค่อยได้ ทำในกระทะไฟฟ้า แต่ก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิม
ยังเหน่อเหมือนเดิม จนในที่สุดแล้วปัจจุบัน ‘เปาวลี พรพิมล เฟื่องฟุ้ง’ ก็ได้แต่งงานกับ ‘เอิร์ธ กานต์’ ทายาท ‘ป๋ากิ๊ก’ ก็มีชีวิตที่ดีขึ้น
และเธอตัดสินใจสร้างเรือนหออยู่กินด้วยกัน นอกจากนี้สาว ‘เปา เปาวลี’ เมื่อว่างเว้นจากการทำงานก็จะกลับไปที่บ้านเกิดของเธอ ที่มีไร่นาสวนผสม
ที่ตอนนี้ยังคงสนุกสนานกับการใช้ชีวิตหลังแต่งงานกับสามีหนุ่ม “เอิร์ธ-กานต์ กิจเจริญ” ลูกชายป๋ากิ๊ก-เกียรติ กิจเจริญ ไปไหนไปกัน เลี้ยงสุนัขหลายๆ ตัว
ไว้เป็นเพื่อนที่บ้าน ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ‘เปา เปาวลี’ นั้นเป็นสาวสวยจากจังหวัดสุพรรณบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ดังนั้น
เมื่อมีเวลาว่างเธอก็มักจะชวนหนุ่มเอิร์ธขับรถกลับไปเยี่ยมบ้าน ซึ่งทำให้เรามีโอกาได้เห็น “ไร่นาสวนผสม” ของครอบครัว ‘เปา เปาวลี’
โดยไร่นาสวนผสมแห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดบ้านเกิดของเธอ จังหวัดสุพรรณบุรี มีคุณพ่อ คุณแม่และญาติพี่น้องช่วยกันดูแล ซึ่งมีทั้งพื้นที่เลี้ยงวัว
ขุดบ่อไว้เลี้ยงปลา เลี้ยงไก่ซึ่งคุณพ่อสร้างบ้านไก่โดยตั้งชื่อว่า “บ้านไก่จ๋า” ออกไข่ให้ได้ทานกันทุกวัน โดยครั้งหนึ่ง ‘เปา เปาวลี’ ได้เล่า
ชีวิตของเธอว่า “ช่วงนี้มีงานทุกวัน พักผ่อนได้น้อยลง ครอบครัวย้ายไปอยู่กรุงเทพหมดแล้วเพราะ คุณพ่อก็ไปเป็นคนขับรถให้เปา และยังขับรถ
หลงอยู่เหมือนเดิม ส่วนพี่ชายก็ไปช่วยเปิดแผ่น ดูเรื่องเพลงเวลาเปาไปรับงาน คุณแม่ก็ช่วยดูเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม ตอนนี้น้องเปาก็หัดขับรถ
เมื่อครั้งก่อนมาหัดขับบ้านคุณยาย ล้อรถเข้าไปอยู่ในรถไถเลย ตอนนี้เปาเปลี่ยนรถให้คุณพ่อ เมื่อก่อนเรามีปิ๊กอัพเปาก็จะนั่งต้องแค๊ป เลยปรึกษากันเปลี่ยนรถ
ให้ใหญ่ขึ้นเวลาไปไหนจะได้สะดวกขึ้น” เรียกได้ว่าเป็นหญิงสาวที่สู้ชีวิตเพื่อครอบครัวจริงๆ จนกระทั่งมาถึงจุดสูงสุดของชีวิตเธอก็ยังไม่ลืมความติดดิน และความกตัญญู น่าชื่นชมค่ะ
