บันเทิง
‘จารุณี สุขสวัสดิ์’ สูงสุดคืนสู่สามัญ อยู่บ้านไม้ริมคลอง
สูงสุดคืนสู่สามัญ ชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
‘จารุณี สุขสวัสดิ์’ อยู่บ้านไม้ริมคลอง พายเรือเข้าออกบ้าน เหมือนชาวบ้าน
คนบันเทิงที่มีอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไปต้องรู้จักชื่อของ “เปิ้ล – จารุณี สุขสวัสดิ์” อย่างแน่นอน เพราะเธอคือนักแสดงสาว ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นดาวค้างฟ้า
ในอดีตเธอเป็นนักแสดงสาวที่มีผลงานมากมาย ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลงานชื่อดัง ไม่ว่าจะเป็นการรับบทเป็นพจมาน พินิตนันท์ สว่างวงศ์ จากภาพยนตร์ “บ้านทรายทอง”
ซึ่งโด่งดังมาก นอกจากนั้นเธอยังมีผลงานสร้างชื่อเสียงอีกมากมาย จนทำให้เธอได้รับฉายาทั้ง “ดาราทอง” “ราชินีนักบู๊” แน่นอนว่าเมื่อวันเวลาผ่านไป
เราก็ยังคงได้เห็นผลงานของเธออยู่ แม้ระยะหลังเธอจะรับบทคุณแม่ในละครต่างๆ แต่ความสามารถในการแสดงก็ยังคงโดดเด่นเหมือนในอดีต
ในด้านชีวิตส่วนตัวของเธอนั้นหลายๆ คนอาจไม่ทราบว่าเธอคือคนสมุทรสง คราม และบ้านของเธอที่เราเปิดให้เห็นความสวยงามนั้นก็คือบ้านไม้ริมคลองหลังใหญ่
ในจังหวัดบ้านเกิดของเธอเอง ใครที่ชื่นชอบบรรยากาศริมคลอง ในวิถีชาวบ้าน รอบบ้านมีสวน ชาวบ้านในย่านนั้นยังคงมีการพายเรือสัญจร
นอกจากบ้านไม้หลังใหญ่นี้จะเป็นบ้านของเธอแล้ว บ้านหลังนี้ยังเปิดเป็นที่พักให้กับนักท่องเที่ยวที่สนใจและต้องการพักผ่อนแบบใกล้กรุงเทพฯ
โดยใช้ชื่อว่า “จารุณี ริเวอร์วิวว์” ก่อนหน้านี้ ..สูงสุดคืนสู่สามัญ ช่วงที่เธอพบกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในชีวิต เธอเริ่มสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเอง
ด้วยการปรับสภาพจิตใจ ยอมรับกับสิ่งต่างๆที่ถาโถมเข้ามาอย่างไม่ย่นย่อ พร้อมกับได้รับความคิด และความรู้สึกดีๆจากคนรอบข้าง “จากที่หนังเราเคยฉายที่เฉลิมไทย
ดาด้า แกรนด์ ก็ไปฉายเมโทร ทำให้เกรดหนังตกลงไป เรามาหมดอนาคตกับวงการก็ตอนที่เล่นหนัง “มาทาดอร์จอมเพี้ยน” เปิ้ลไปปรากฏตัวที่หน้าโรงหนัง
แต่งตัวเป็นมาทาดอร์แล้วเดินไปหน้าโรง ปรากฏว่ามีคนมาดูแค่ ๒ คน จากเรื่องก่อนหน้านี้ยังมีคนมาดูเต็มโรงเลย ตอนนั้นทุกข์ค่ะ ทำใจไม่ทัน ยิ่งสภาพครอบครัวเราเป็นอย่างนี้มา
เปิ้ลเป็นคนที่ขาดความรัก ความเอาใจใส่ จึงเป็นนักแสดงที่ค่อนข้างจะผูกพันกับคนดู เราไม่เคยรู้สึกเหนื่อยที่จะยืนอยู่หน้าโรงหนังกับแฟนๆ แต่พอมาวันหนึ่งที่แฟนหนังเขาไม่สนใจเราแล้ว
เรารู้สึกเหมือนกับว่าคนอกหัก เป็นอย่างนั้นจริงๆนะคะ หลังจากนั้นก็เริ่มมีภูมิขึ้นทีละนิดๆ นางเอกแต่ละคนเขาจะต้องผ่านสิ่งนี้มาทั้งนั้น ไม่ว่าเป็นใครก็ต้องเจอ อยู่ที่ว่าใครจะพูดเท่านั้นเอง
ได้แรงบันดาลใจมาจากการที่เราเกิดมาจากครอบครัวที่ยากจน พอได้เข้ามาในวงการก็ได้เห็นคนรวยและคนจน อย่างเมื่อวานนี้ไปถ่ายละครเจอคนที่นอนปูกระดาษอยู่ใต้สะพานลอย
แต่อีกวันหนึ่งไปถ่ายหนังเดินยังไม่ถึงตัวบ้านเลย แต่ข้าวของที่วางอยู่รอบๆตัวก็ร้อยกว่า ล. เข้าไปแล้ว ชิ้นนี้ ๒ แสน นกตัวละแสนกว่าๆ นี่…มันต่างกันอย่างนี้ เราก็เลยอยากจะมีความรู้
