บันเทิง
อดีตภรรยา ‘ปิ๊บ รวิชญ์’
อดีตภรรยา ‘ปิ๊บ รวิชญ์’
เป็นอีกนักแสดงที่เชื่อว่าหลายๆคนต้องคุ้นหน้าคุ้นตาเขาอย่างแน่นอน สำหรับ ‘ปิ๊บ รวิชญ์’ ที่ก่อนหน้านี้เคยใช้ชีวิตคู่กับ ‘ดร.แพรว’ หรือ ‘ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์’ จนมีโซ่ทองคล้องใจถึง 2 คน แต่แล้ว ความสัมพันธ์นีี้ก็มาถึงทางตัน เมื่อทั้งคู่ตัดสินใจ
จบสถานะสามีภรรยา โดยหนุ่มปิ๊บเคยเผยว่า “จริงๆ ไม่ได้หย่าหรอก เพราะตั้งแต่ต้นเราไม่ได้จดทะเบียนกันตั้งแต่ต้น” ทั้งคู่ลดสถานะความสัมพันธ์เหลือแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน หลังใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมากว่า 9 ปี นักแสดงหนุ่มเผยถึงความสัมพันธ์กับ
แพรว-ดร.ดาริกา ภรรยาของตน ว่า ตอนนี้เราทั้งคู่ตัดสินใจเป็นเพื่อนกันและมีอิสระต่อกัน และมีบุตรเป็นหลักในการดูแลให้ความอบอุ่น ที่ผ่านมาตนและภรรยาพยายามคงความสัมพันธ์ แต่สุดท้ายก็มาสรุปว่าเป็นเพื่อนกันดีกว่า แต่ยังคงติดต่อกัน โดยที่ยังมี
บุตรเป็นหัวใจหลักของความสัมพันธ์ ต่อข้อถามที่ว่าตัดสินใจลดความสัมพันธ์ลงนานรึยัง นักแสดงหนุ่มเผยว่า มันเหมือนเป็นช่วงปิดช่วงเปิด เป็นช่วงที่พยายามรักษาความสัมพันธ์ แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเป็นเพื่อนกันดีที่สุด ซึ่งเราทั้งคู่ตัดสินใจแบบนี้มาหลายรอบแล้ว
และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ก็ยังเห็นทั้งคู่ออกงานคู่กัน คนก็อาจจะงงว่าทำไมถึงเลิกกัน ปิ๊บเปิดใจถึงประเด็นนี้ว่าเราก็คบกัน มันก็มีความเห็นไม่ตรงกัน เวลาเราใช้ชีวิตมันก็มีความเห็นไม่ตรงกัน ซึ่งตอนนั้นที่ออกงานด้วยกันก็ยัง
โอเคกันอยู่ แต่มันก็มีความรู้สึกว่าทำไมเรื่องนี้ก็ยังคิดไม่ตรงกัน หลังจากนั้นเราก็เลยมาคุยกันว่าสงสัยจะไม่ไหวจริงๆ เป็นเพื่อนกันดีกว่า เผื่อว่าอะไรจะดีขึ้น และเมื่อถามถึงสาเหตุหลักที่ทำให้ยุติความสัมพันธ์แบบสามีภรรยา นักแสดงหนุ่มเผยว่า เหตุผลหลักเป็นเรื่อง
ทัศนคติในการใช้ชีวิต ซึ่งคำคำนี้มันกว้างมาก แต่มันมีรายละเอียดลึกๆ ที่เป็นเรื่องของคนสองคน ก็ให้เรื่องทัศนคติเป็นอิสระต่อกันดีกว่า และต่อจากนี้ถ้ามีคนเห็นว่า ตนและคุณแพรวอยู่ด้วยกันก็คือเป็นเพื่อนกัน ทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อบุตร ซึ่งเราทั้งคู่เองไม่ได้จด
ทะเบียนสมรสตั้งแต่แรก กับคำถามที่ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้แล้วจะทำหน้าที่ดูแลบุตรอย่างไรบ้าง ปิ๊บตอบว่าก็อยู่กันเป็นสัดส่วน ไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะตอนนี้เริ่มแยกบ้านแล้ว ส่วนเรื่องบุตรก็แบ่งเวลาว่าใครจะอยู่กับบุตร ต่อข้อถามที่ว่าคนก็อาจจะงงว่าตอนแรกก็
ให้สัมภาษณ์ว่าเลิกกัน แต่ตอนหลังก็บอกว่าไม่เลิก ตอนนี้บอกอีกรอบว่าเลิกแล้ว นักแสดงหนุ่มจึงขอร้องว่าอยากให้เห็นใจกันนิดหนึ่งว่าตนกับภรรยาก็ไม่ได้อยากเลิกกัน แต่เราก็ปรับตัวเข้าหากันแล้ว มันก็เหมือนกับที่เคยให้สัมภาษณ์ว่าต่างคนต่างไม่มีเวลาทั้งคู่ เราก็
ไม่ได้โกหก เราไม่มีเวลาจริงๆ แล้วช่วงนั้นเราทั้งคู่ก็ยังไม่แน่ใจกับความสัมพันธ์มากกว่า กับคำถามที่ว่าเวลามีข่าวเลิกกัน คนมักจะโยงไปถึงเรื่องมือที่ 3 นักแสดงหนุ่มหัวเราะก่อนเผยถึงเรื่องนี้ว่ามันไม่เหมือนบท ผอ.ที่ตนเล่นในเรื่อง แรงเงา คนก็อาจจะคิดว่าตนเป็น
แบบนั้น แต่จริงๆ ไม่ใช่คนแบบนั้น สำหรับตนจะต้องเคลียร์ความสัมพันธ์เดิมก่อน ตอนนี้ยังไม่มีอะไร แต่ยอมรับว่าพอคนวงในทราบข่าวก็มีคนเข้ามา ต้องยอมรับว่าบท ผอ.ที่ตนเล่นดังมาก เลยมีส่วนทำให้คนเข้ามา แต่มันไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้น คือมีคนเข้ามาคุยแต่
คงไม่ใช่เวลาที่จะไปคุยกับใคร ตอนนี้ตนโฟกัสเรื่องงาน ซึ่งคนอาจคิดว่าเป็นงานในวงการบันเทิง แต่จริงๆ ก็มีงานอื่นๆ ที่ไม่ใช่ในวงการบันเทิงที่มันต้องใช้เวลา พอไปโฟกัสมันก็ทำให้ตนไม่ค่อยมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกันมากกับภรรยา แล้วภรรยาเองก็มีงานหลาย
อย่างที่ต้องทำ แล้วต้องไปเรียนเพิ่มเติม ต่างคนต่างก็เวลาน้อย ฉะนั้น อย่างที่บอกว่าไม่ใช่เรื่องมือที่ 3 แน่นอน เป็นเรื่องทัศนคติและเรื่องเวลาเป็นหลักมากกว่า ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าหลายคนมองว่าพอเลิกกันอาจทำให้กระทบความรู้สึกของบุตรชายและบุตรสาวที่ยัง
เล็กอยู่ เรื่องนี้นักแสดงหนุ่มเผยว่า ตนและภรรยาก็ประคับประคองความรู้สึกของบุตร ทำให้มันกระทบน้อยที่สุด เวลาไปทานข้าวก็ยังไปทานพร้อมกันปกติ ไม่มีอะไรที่ต่างออกไป เพียงแต่ว่าเราเป็นเพื่อนกันและไม่ได้อยู่ที่เดียวกันแล้ว ซึ่งเรื่องความสัมพันธ์ของตนกับ
ภรรยานั้นบุตร ไม่ทราบเลย แต่ถ้าโตกว่านี้บุตร คงรู้ของเขาเอง แต่เขาก็ได้รับความอบอุ่นเต็มร้อย คือยังคงความเป็นครอบครัว แต่อาจจะไม่ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน และในเมื่อไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันก็เป็นเพื่อนกัน มีความเป็นอิสระจากกันดีกว่า
