บันเทิง
ล่าสุด ‘อ้อน ลัคนา’
ล่าสุด ‘อ้อน ลัคนา’
ต้องยกให้เป็นหนึ่งในนักร้องหญิงหน้าอ่อนเยาว์ของวงการเพลงคนหนึ่งเลยทีเดียว สำหรับ อ้อน ลัคนา หวงมณีรุ่งโรจน์ อดีตนักร้องหญิงเสียงดียุค 90 ที่ตอนนี้เธอได้ขึ้นแท่นเป็นคุณแม่บุตรหนึ่งไปอีกคนเป็นที่เรียบร้อย
วันนี้จะขอพาส่องภาพล่าสุดของ อ้อน ลัคนา หวงมณีรุ่งโรจน์ อดีตนักร้องชื่อดัง ที่แจ้งเกิดจากการประกวดร้องเพลงจนกลายเป็นนักร้องในสังกัดอาร์เอส ออก 2 อัลบั้มพร้อมมีผลงานเพลงฮิตมากมาย เช่น
เมื่อก่อนก็อยู่คนเดียว, อย่าบอกว่ารักเขา, อุ่นใจ รวมทั้งเพลงที่ทุกคนรู้จักเธอในฐานะนักร้องอย่าง อ้อนไว้ แม้ในปัจจุบันจะไม่ค่อยได้เห็นเธอผ่านทางหน้าจอสักเท่าไหร่นัก แต่เธอก็ยังคงทำงานในวงการันเทิงเป็นดีเจคลื่นดังอยู่ค่ะ
ก่อนหน้านี้คุณแม่อ้อน ยังได้มาเปิดใจในรายการดังถึงชีวิตการเป็นแม่ของเธอ บุตรสาวชื่อ เลอา คือ เกิดมาก็เป็นโซ่ทองคล้องใจเลยตั้งแต่เรื่องชื่อ? อ้อน ลัคนา : “ใช่ค่ะ คือ อ้อน กับ พี่อัลเบิร์ท
คือด้วยความที่เราคบกันมานานเราก็เลยเหมือนเพื่อนกันมากกว่าเพราะเราคบกันมา 20 ปี ตั้งแต่ที่เราทั้งคู่เพิ่งออกเทปอัลบั้มแรกๆเลยค่ะ แล้วด้วยความที่เราคบกันมานานก็ไม่ได้จะหวานอะไร แต่จะเป็นเหมือนเพื่อนกัน
มากกว่าเราก็จะคุยกันทุกเรื่องในชีวิต แล้วเราก็คุยกันตั้งแต่แรกตั้งแต่ตอนที่เราท้องว่าเราจะไม่ทะเลาะกันนะไม่ว่าบุตรจะอะไรยังไงก็ตามจะไม่มาเธอทำแบบนั้นไม่ได้ ฉันทำแบบนี้ไม่ได้ เราจะตกลงกันทุกอย่าง
อย่างเรื่องชื่อ พี่เบิร์ท จะเป็นคนตั้งชื่อจริง อ้อนจะตั้งชื่อเล่น ซึ่งชื่อจริงของ เลอา คือ พิจิตตรา ค่ะ ที่ตั้งชื่อนี้ให้น้องเพราะว่าคุณแม่ของ พี่เบิร์ท ที่เสียไปแล้วชื่อนี้เลยอยากให้ใช้ชื่อคุณแม่ ส่วนชื่อเล่น
อ้อน อยากให้มีเป็น อัลเบิร์ท กับ ลัคณา อยากให้มีตัว L ด้วยชื่ออะไรก็ได้ก็เลยกลายมาเป็น เลอา” พอมีบุตรแล้ว อ้อน ก็ปรับเปลี่ยนตัวเองเยอะมากจากสาวทำงานมาเป็นคุณแม่ลุกอ่อน? อ้อน ลัคนา : “อ้อน รู้สึกว่าสนุกดีนะคะ
มันมีช่วงที่ไม่เข้าใจด้วยความที่เราเป็นคุณแม่มือใหม่มากท้องเราก็ชอบอ่านในอินเตอร์เน็ตมาก เราไม่ได้อ่านเป็นบทความนะคะ แต่เราอ่านเป็นบทสนทนาที่เขาคุยกันที่เขารีวิว ซึ่งการอ่านแบบนั้นคุณหมอบอกว่า
ไม่ดีเลยเพราะว่ามันเหมือนข้อมูลที่ไม่มีความจริง แต่เป็นประสบการณ์ที่ทุกได้เจอแล้วเอามาเขียน ซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลที่ผิดก็ได้ แต่เราก็ชอบอ่านอยู่ดี ซึ่งพอช่วงที่เราคลอดบุตรออกมาแล้ว อ้อน
เป็นคนคุยเก่งสนุกสนานก็คิดว่าตัวเองไม่เป็น เบบี้บูล แน่นอน แต่สุดท้ายเราก็เป็นเพราะว่าเราได้ไปเล่าอาการให้คุณหมอฟัง ซึ่งคุณหมอบอกว่าอา การที่เราเป็นอา การอ่อนมากๆที่ อ้อน เป็นเรา
คิดว่าเพราะสภาพแวดล้อมด้วยบังเอิญวันนั้นไม่มีใครอยู่บ้านแต่จริงๆเราก็มีพี่เลี้ยงที่ช่วยเราเลี้ยงบ้างแต่เราไม่ปล่อยเอง เพราะเราคิดว่าถ้าให้พี่เลี้ยงเขาจะเลี้ยงได้ดี ดูแลได้ดีหรือเปล่า ถ้าเขา
อุ้มจะตกไหมเราก็คิดเยอะไปหน่อย พอเราอุ้มบุตรก็ร้องไม่หยุดเราก็เพิ่งออกมาจากรพ.ซึ่งตอนนั้นเหมือนจะต้องให้นมทุก 3 ชั่วโมง เพราะเราคิดเองว่าต้องให้นมบุตรตลอดทุกสามชั่วโมงแต่บุตร
ก็ร้องไม่หยุด ก็เลยโทรหาพี่เบิร์ท เราก็บอกเขาว่าเราไม่รู้ว่าเราจะทำยังไงกับบุตรดีเขาก็ปลอบเรา เราก็บอกเขาว่าไม่ต้องปลอบใจเลยฟังเฉยๆพอ อ้อน คิดว่าเพราะเราเป็นมือใหม่ด้วย เราก็
เลยต้องค่อยๆศึกษา แล้วช่วงแรกคือเราจมดิ่งกับบุตรอย่างเดียว เราคิดว่าทำยังไงกับบุตรดี จริงๆแค่เราโทรไปเนอสเซอรี่ก็รู้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องให้นมทุก 3 ชั่วโมงก็ได้ แต่วินาทีนั้นเราจมอยู่กับบุตรอย่างเดียว”
