บ้าน ‘ต้น ตระการ’ ซุ่มทำพินัยกรรม
เรียกได้ว่าหายไปจากวงการบันเทิงนานพอสมควร สำหรับนักแสดงรุ่นใหญ่ “ต้น-ตระการ พันธุมเลิศรุจี” ที่ในปัจจุบันไม่ค่อยมีผลงานออกมาให้ได้ชมสักเท่าไหร่
ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2559 ที่เจ้าตัวพบว่าตัวเองมีปัญหาสุขภาพ จนเข้ารับการรัก ษาจนหายดี แต่หลังจากจากที่หายกลับมาก็ไม่ค่อยได้เห็นผลงานในหน้าจอทีวี
ปัจจุบันเราอาจจะไม่ค่อยได้เห็น “หนุ่มต้น” กันอยู่บ่อยๆ เพราะภรรยา “เปิ้ล-อัจฉรา” ได้คลอดบุตรคนที่ 2 แล้ว ชื่อว่า “น้องภาคิน พันธุมเลิศรุจี”
ต้องบอกเลยว่าเห่อบุตรกันสุดๆ คุณพ่อลงรูปบุตรทั้งสองแบบรัวๆ งานนี้คงต้องบอกเลยว่าอาจจะไม่ค่อยได้เห็นหน้ากันทางหน้าจอสักเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะ
คุณพ่ออยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ตอนนี้เป็นคุณพ่อบุตรสอง? ต้น ตระการ : “ใช่ครับ ตอนนี้มีสองคนแล้ว เรามีบุตร แต่สิ่งหนึ่งที่เราห้ามขาดเลยคือต้อง
ไม่ละเลยภรรยา บางคนพอมีบุตร ก็จะไปดูแลใส่ใจแต่บุตร ซึ่งในครอบครัวเรา ภรรยาของผมก็ไม่เคยละเลยหน้าที่ของการเป็นภรรยาด้วย
เหมือนกันครับ เพราะว่าผมกับภรรยามีวัยที่แตกต่างกันประมาณ 15 ปี เขาจบจิตวิทยามา เพราะฉะนั้นเวลาที่เขาจะหรือแสดงออกพฤติกรรมอะไรต่างๆ
เขาก็จะมีการสะกดจิตเรา เหมือนมีมนต์” เห็นว่าทำพินัยกรรมไว้ล่วงหน้าให้บุตร โดยที่ไม่ได้บอกภรรยาเพราะอะไร? ต้น ตระการ : “ไม่รู้
พินัยกรรมจะเป็นมรดก หรือภาระนะครับ (หัวเราะ) ตอนปี 59 มีเข้ารับการรัก ษาที่ รพ เราก็นั่งเขียนเลยว่าเรามีภารพอะไรบ้าง แล้วมีตังค์อยู่ตรงนี้ ที่ดิน
บ้าน แจงเอาไว้ เราไม่ได้มีสมบัติอะไรมากมาย แต่เกิดว่าถ้าเราไม่อยู่ จะได้ไม่ทะเลาะกัน ไม่อยากให้เกิด” ตั้งใจว่าจะเลี้ยงบุตรเองให้เต็มที่
จนกว่าอายุจะถึง 7 ขวบ? ต้น ตระการ : “โดยทฤษฎีโดยเฉพาะผู้ชาย ถ้าตอนเล็กๆ เขาอยู่กับความอ่อนโยน เขาอยู่กับแม่ อยู่กับความ
สุขภาพต่างๆ จะทำให้เขาซึมซับสิ่งต่างๆ ได้ดี พอโตขึ้น เขาจะมีความก้าว ร้าวของผู้ชายเข้ามาเอง เราเลยตั้งใจว่าถ้าเราและภรรยาช่วยกัน
เลี้ยงเขาก็จะได้รับส่วนผสมที่ลงตัวพอดี เพราะว่าตอนที่เขาอายุเริ่ม 10 ขวบ จะเริ่มไปติดเพื่อน 15 เริ่มติดหญิง” เคยเจอปัญหาช่องว่างของ
วัยที่ต่างกันไหม? ต้น ตระการ : “เคยแอบคิดเล็กๆ แต่พอเจอกับชีวิตจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น เราเลยรู้สึกว่าเป็นโอกาสที่ดี เพราะว่าตัวเรา
เอง 50 ภรรยา 35 บุตรชาย 5 ขวบกับ 3 ขวบ เราก็ปรับตัว ทำอายุของตัวเองให้น้อยลงมาเท่ากับภรรยา แล้วก็ลงไปเท่ากับบุตร พยายาทำไว้ให้มันใกล้ๆ กัน”
