บันเทิง
บุตรชายที่ถูกพราก ‘เง็ก กัลยา’
บุตรชายที่ถูกพราก ‘เง็ก กัลยา’
ถือเป็นนักแสดงมากความสามารถอีกคน สำหรับนักแสดงมากความสามารถอย่าง “เง็ก กัลยา เลิศเกษมทรัพย์” ที่โลดแล่นในวงการบันเทิงมาตั้งแต่เล็ก และอย่างที่ทราบกันว่าเง็กนั้น
เคยแต่งงานมาแแล้ว แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องครอบครัวเลย งานนี้เง็ก ก็ได้เปิดใจเรื่องการแต่งงานกับอดีตสามี “ใช่ค่ะ ตอนที่แต่งงานก็แต่งกันแบบเงียบๆ ไม่ได้หวือหวาหรือมี
พิธีใหญ่โตอะไร ซึ่งส่วนมากจะไม่ค่อยพูดถึงเรื่องครอบครัวสักเท่าไหร่ มันผ่านมานานมากแล้ว ตอนนี้บุตรชายอายุ 20 ปี ส่วนเรื่องการมีครอบครัวแล้วนั้น ก็ไม่ได้ถึงขั้นปิดข่าว คือช่วงที่
เรามีสามี มีครอบครัว ก็เลี้ยงบุตรใช้ชีวิตไปตามปกติ แต่ผ่านมาสักระยะ เราอยู่ด้วยกันไม่ได้ก็เลยต้องแยกทางกันไป ใช้ชีวิตคู่ได้สักประมาณ 4 ปีกว่าค่ะ” หลังจากแยกทางกัน ก็ไม่ได้
เจอบุตรอีกเลย เกิดอะไรขึ้น ?“ก็ช่วงแรกๆ มีการตกลงว่าเราจะจัดการดูแลบุตรคนละอาทิตย์ ผ่านไปสักพักเขาก็พาบุตรย้ายโรงเรียนหนีเราไปเลย ตอนนั้นเราตกใจมาก เราก็ตามหาไปจนทั่ว
แต่ก็ไม่เจอ ก็หามาเรื่อยๆ จนได้มีการพูดคุยกับตัวเขา แล้วเขาก็ขอเอาบุตรไปเลี้ยงเอง หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้เจอบุตรอีกเลย สาเหตุที่ไม่ให้เราเจอบุตร ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเหตุผลของเขาคืออะไร”
ผ่านไป 10 ปี แล้ววันที่ได้เจอบุตรก็มาถึง ความรู้สึกตอนนั้น ? “อย่างที่บอกค่ะ เราก็ได้เล่าให้ผู้ใหญ่ท่านนี้ฟัง แล้วเขาก็ช่วยพูดให้ หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆ ผ่อนลง ให้เราได้มีโอกาสเจอบุตรบ้าง ซึ่งมันก็
เป็นเรื่องราวดีๆ ที่เกิดขึ้นมา ความรู้สึกที่เจอกันคือเหมือนเราเจอแฟน เหมือนรักแรกพบ เจอแล้วตื่นเต้น หัวใจมันเต้นแรง มันดีใจมาก หัวใจเรามันพองโต ก็ร้องเลยค่ะ ถึงแม้ว่าตอนนั้นเขา
อาจจะยังไม่โตมาก และยังไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไร แต่เราก็ดีใจที่ได้เห็นพัฒนาการแต่ละช่วงวัยของเขา หลังจากนั้นเราก็เจอกันบ่อยขึ้น” พูดถึงตัวเองบ้าง เห็นว่าตอนนี้ก็มีแฟนหนุ่มดูแลอยู่ ? “ก็
มีอยู่ค่ะ คือจริงๆ แล้วเป็นเพื่อนกันอยู่กันมาตั้งนานแล้ว มันก็มีเป็นช่วงที่เราแยกกันไปแล้วก็กลับมาคบกันใหม่ รวมๆ แล้วก็ประมาณ 17 ปี เรื่องทุกอย่างของเราเขาก็รับรู้นะ คือเขาจะเป็นคนที่
ค่อนข้างใจเย็น อยู่กับเราได้ เพราะเราเป็นคนที่ค่อนข้างใจร้อน จะต้องมีคนที่คอยช่วยเบรกเราตลอด ถึงจะอยู่กันได้ยาวค่ะ” จู่ๆ ก็หายจากวงการไปดื้อๆ? “มีช่วงหนึ่งที่เง็กได้รับบทเดิมๆ
บ่อยๆ หรืออย่างมีคนมาเสนอบทแม่ให้ เราก็แบบ..ต้องเล่นบทนี้แล้วเหรอ พอดูบทแล้ว คนที่มาเล่นเป็นบุตรเรา ยังไม่ใช่ก็เลยยังไม่รับ พอสักประมาณ 3 ปี ที่หยุดเล่นไป ก็มีหลายคนเรียก
กลับมาเล่น เราก็กลับมา เพราะเห็นว่าบางคนอ่อนกว่าเรา ยังเล่นเป็นแม่เลย เราก็เอาวะเล่นก็เล่น เริ่มเปลี่ยนทัศนคติใหม่ (หายไปเพราะกลัวที่จะต้องรับบทแม่) กลัวค่ะ แล้วเขาก็บอกว่าไม่รู้
คาแร็กเตอร์จะลงเป็นตัวอะไร บทไม่มีอะไรด้วยเขาก็ไม่กล้าเรียก เลยเหมือนหายไปอยู่ 3 ปี (ช่วงนั้นไปทำอะไร?)เที่ยวเล่น ช่วยแฟนทำงาน ออกกำลังกายบ้างค่ะ แต่พอถึงจุดหนึ่งเรา
ต้องยอมรับในสิ่งที่เป็นบทมาเราก็รับเลย ซึ่งก็ได้บทที่ดีๆ มานะคะ ไม่ใช่บทที่แบบไม่มีอะไร เขาก็เห็นความสามารถของเรา แล้วเง็กเป็นคนที่ได้บทอะไรมาก็จะเต็มที่ ให้ร้อยเล่นพันค่ะ”
