บันเทิง
ชีวิตล่าสุด ‘แบงค์ ปวริศร์’ อยู่ไทยไม่ดัง
ชีวิตล่าสุด ‘แบงค์ ปวริศร์’ อยู่ไทยไม่ดัง
ห่างหายจากวงการบันเทิงในฐานะนักแสดง-พระเอก ละครไทยไปนานเลยทีเดียวสำหรับ ‘แบงค์ ปวริศร์ มงคลพิสิฐ’ พระเอก
หน้าหยกมาดเซอร์ที่ได้ฝากผลงานทั้งการเป็นนายแบบ พระเอก และนักร้อง แต่แท้จริงแล้วเจ้าตัวนั้นโกอินเตอร์ไกลเป็นนักแสดง
หนังแอคชั่นที่เมืองจีน แถมยังโด่งดังมากโดย แฟนๆ ชาวจีนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ‘แบงค์ ปวริศร์’ ยังสามารถทำรายรับ
ให้กับหนังจีนเรื่องดังไปกว่า 5 พัน ล.เลยทีเดียว ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ แต่ด้วยสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบันทำให้ ‘แบงค์ ปวริศร์’
ไม่สามารถกลับไปถ่ายถำภาพยนตรได้ดังเดิม อีกทั้งจำเป็นต้องปฏิเสธภาพยนตร์ไปกว่า 10 เรื่อง โดยก่อนหน้านี้ ‘แบงค์ ปวริศร์’
ก็ได้ถือโอกาสเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงช่วงชีวิตกับการเป็นนักแสดงอยู่ต่างแดนไว้ว่า “ตอนนั้นมีหนังของจีนมาถ่ายที่เมืองไทย เป็นเรื่องจริง
และเป็นโปรเจกต์ใหญ่ของทางเขา เขายังหาตัวคนที่รับบทชาวไทย-พม่า ยังไม่ได้ คือเขาสร้างบทจากตัวนี้แล้วเขายังหาไม่ได้ แล้วพอดี
มีน้องที่รู้จักทำแคสติ้งด้วย แล้วบอกว่าพี่ลองไปคุยดูไหม เขาก็เลยส่งโปรไฟล์ไปให้ดู เขาขอดูหน้า ดูตา พูดคุย แล้วเขาก็เลือกให้เราไปเล่น
ตอนแรกยังไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องราวที่ใหญ่ขนาดนั้น มันมีข่าวโด่งดังที่ไทย แล้วก็เป็นข่าวนี่เพิ่งมาย้อนดูว่ามันมีตัวนี้จริงๆ เราก็เลยศึกษาประวัติ
ของคนนี้จริงๆ แล้วเรื่องที่ถ่ายทำไป ถือว่าผลตอบรับดีมากครับ คนก็ดูเพราะมันเป็นเรื่องจริง พอได้เรื่องนี้ก็เลยประสบความสำเร็จมาก ทำรายรับ
ไปประมาณ 5 พัน ล. หลังจากนั้นมา ก็ได้งานต่อเนื่องมาหลายเรื่องเลย ประมาณ 10 กว่าเรื่องได้ เป็นหนังใหญ่ด้วย แล้วก็มีซีรีส์ 1 เรื่อง
ซึ่งตัวผมเองก็พูดภาษาจีนไม่ได้ ตลอดการถ่ายทำคือเราพูดภาษาไทยทั้งหมดเลย เพราะเขาไปพากษ์เสียงทับอยู่แล้ว แต่ก็มีบางคำที่เขาอยากได้
เราก็ไปท่อง เป็นประโยคสั้นๆ” เมื่อถูกถามเรื่องสังกัด ‘แบงค์ ปวริศร์’ เผยว่าตนนั้นไม่ได้อยากจะผูกมัด เพราะสัญญาต้องเล่นหนังให้เขา 20-30 ปี
โดย ‘แบงค์ ปวริศร์’ เล่าว่า “ตอนแรกใจก็อยากเซ็นนะ แต่พอมาดูรายละเอียดสัญญาแล้ว สัญญาเขาประมาณ 20-30 ปี ดูท่าทางแล้วต้องแก่ที่นู่น
เรื่องข้อตกลงนั่นก็มีข้อจำกัดเยอะครับ เลยคิดว่าไม่เซ็นดีกว่า คิดว่าอยู่บ้านเรามีความสุขที่สุด เราก็ไปๆ กลับๆ ดีกว่า” เห็นว่ามีหนังติดต่อมาเป็น
10 เรื่องแต่ปฏิเสธหมดเลย “จริงๆ ก็ไม่ได้อยากปฏิเสธ แต่ว่าด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ แล้วมันต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ ก็เลยไม่ไปดีกว่า”
