‘สเตฟาน ฐสิษฐ์’ ลาวงการ ไม่ชอบให้ใครบงการชีวิต ก่อนกลับมาปรับตัว
อยู่ๆ ก็หายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิง สำหรับพระเอกหนุ่ม “สเตฟาน” ฐสิษฐ์ สินคณาวิวัฒน์ ทั้งๆ ที่ตอนนั้นสเตฟานถือว่าเป็นพระเอกอันดับต้นๆ ของช่อง 7 จนทำเอาเหล่าบรรดาแฟนคลับ
ถามหากันยกใหญ่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงไม่รับเล่นละครแล้ว ซึ่งล่าสุด “สเตฟาน” ก็ได้ออกมาเปิดเผยหมดเปลือกว่า ถึงสาเหตุที่
ลาออกจากวงการเพราะเป็นคนมีโลกส่วนตัวสูง ไม่อยากให้ใครมาสั่งหรือบงการชีวิต และต้องไปดูแลแม่ที่ป่วยด้วย จนช่วงหลังๆ เจ้าตัวก็เริ้มหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น
จนลงไปเยอะแล้ว โดยเลือกทานอหารที่มีประโยชน์ เข้าฟิตเนสและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ จนตอนนี้หนุ่ม “สเตฟาน” นั้น เริ่มหุ่นเข้าที่ กลับมาหล่อ เป๊ะ
ดูหน้าอ่อนวัยกว่าเดิมอีกต่างหาก ไม่แน่งานนี้เราอาจจะเห็นพระเอกหนุ่มกลับมาพร้อมงานละครก็เป็นได้ และวันนี้เราจึงได้รวบรวมภาพปัจจุบัน
ของพระเอกหนุ่มมาให้ได้ชมกัน ว่าปัจจุบันจะเป๊ะ หล่อขนาดไหนไปชมกัน ซึ่ง อดีตพระเอกหนุ่มหล่อครึ่งไทย-อิตาลี ที่มีผลงานสร้างชื่อจากละครเรื่อง
โม่งแดง, หลงเงาจันทร์, ปู่โสมเฝ้าทรัพย์ และ รหัสโลกันตร์ จากนั้นเขาได้หันหลังให้กับวงการบันเทิง ยุติรับงานการแสดงตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557
ก่อนผันตัวเป็นยูทูบเบอร์ทำรายการเกี่ยวกับอาหาร ภายใต้คอนเซ็ปท์ช่องที่ไม่ได้มีแต่คำว่ากิน แต่ยังมีการบอกเล่าเรื่องราวอาหาร
และบอกเคล็ดลับการทำอาหาร โดยใช้ชื่อช่องว่า MyQuest OFFICIAL แต่ก่อนหน้านี้นั้น หลังจากไม่ได้เป็นดารา ผมอาจจะไม่สบาย
ไม่ได้มีตังค์เยอะเหมือนตอนเป็นดารา หรือหาตังค์ง่ายเหมือนตอนเป็นดรา แต่ทุกวันผมตื่นมา ผมมีความสุขมากกว่าตอนผมเป็นดาราอีก
ผมไม่อยากใช้ชีวิตตัวเองเพื่อคนอื่น แต่ที่ผมออกจากวงการคือตอนแม่ผมไม่สบาย นั่นคือสิ่งที่ผมตัดสินใจเด็ดขาดว่าจะไม่กลับไปเล่นละคร
แม้บางคนอาจจะมีความสุขกับการทำงาน ใช้ชีวิต เป็นตัวที่สร้างมาใส่หน้ากาก บางคนอาจจะมีความสุขไม่ซีเรียส บางคนอาจจะมีความสุขอยู่ในโลกปลอมๆ
ผมไม่ได้พูดถึงโลกในวงการนะ หมายถึงโลกทั่วๆ ไป ถามว่าไม่เสียดายตังค์เหรอ ผมเล่นละครเรื่องนึงผมก็ได้เป็น ล. แล้ว ผมโชว์ตัวชั่วโมงนึงก็ได้เป็นแสนแล้ว
เมื่อก่อนผมใช้ตังค์เก่ง ผมใช้วันละ 5 หมื่น ผมอยากได้รถผมซื้อสดเลย ซื้อของทุกวันแต่ก็ไม่มีความสุขเลย แต่ตอนนี้ผมมาสตรีมเกม เพราะผมชอบเล่นเกม
ไม่ได้หวังอะไรเลยนะ คนชอบดูผมเล่นเกมแล้วมีความสุขผมก็ดีใจ มีคนถามผมเยอะนะว่าทำไมถึงออกจากวงการ วันนี้คงได้รู้แล้วว่าเพราะอะไร”
