บันเทิง
ที่พักพิง ‘ต่าย เพ็ญพักตร์’ หลังครองโสด
ที่พักพิง ‘ต่าย เพ็ญพักตร์’ หลังครองโสด
ต้องบอกเลยว่าอายุเป็นเพียงแค่ตัวเลขจริง ๆ สำหรับ ต่าย เพ็ญพักตร์ ศิริกุล นักแสดงรุ่นใหญ่ มากฝีมือ เจ้าของฉายาสาวสองพันปี เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร นักแสดงสาวคนนี้ก็ยังสวยงามเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยนแปลง ทว่ารู้ไหมคะว่านอกจากรูปร่าง
หน้าตาที่งดงามจนหาที่ติไม่ได้แล้ว บ้านของเธอก็ยังสวยงามและน่าอยู่ไม่แพ้กัน แถมมีสวนสไตล์อังกฤษ สุดร่มรื่นที่เธอลงมือจัดเองกับมือด้วย โดยบ้านหลังนี้เป็นบ้านสีขาว มีกระจกรายล้อมรอบด้าน เพื่อให้มองเห็นวิวสวนสวย
ภายนอก และให้แสงแดดธรรมชาติสาดส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่ ภายในตกแต่งแบบเรียบง่าย งดงามตามสไตล์วินเทจ เน้นสีขาว สีน้ำตาล และงานไม้เป็นหลัก ส่วนในห้องนอนมีเตียงไม้สไตล์วินเทจสีขาวเล็ก ๆ พร้อมของใช้
อำนวยความสะดวกอีกนิดหน่อย แต่ไฮไลต์เด็ดอยู่ที่วิวธรรมชาติอันสวยงามภายนอก เพราะอยู่ใกล้ชิดติดกับสวนนั่นเอง สำหรับสวนของบ้านหลังนี้ ตกแต่งในสไตล์อังกฤษ พร้อมรูปปั้นสุดหรูและดอกไม้สุดสวยเพียบ โดยเธอเป็นคน
ลงมือออกแบบและจัดสวนเองทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีกรงแมวนอกบ้าน พร้อมแคตวอล์กแนวยาวให้แมงได้วิ่งเล่นด้วย เรียกได้ว่าเป็นบ้านที่อบอุ่น ร่มรื่น และน่าอยู่จริง ๆ ว่าแต่บ้านหลังนี้จะสวยงามและดูดีเพียงไหน ตามไปพิสูจน์ได้
ด้วยตัวเองเลยค่ะ สำหรับชีวิตส่วนตัวของคุณต่ายนั้น ในอดีตได้สร้างครอบครัวกับอดีตนักร้องหนุ่มรูปหล่อ สามารถ บริบูรณ์เวช และมีบุตรชายด้วยกัน 1 คน นั่นก็คือคุณ โตน รามบุตร ต่อมาคุณต่ายได้ยุติชีวิตคู่กับสามีในปี
พ.ศ.2523 ก่อนที่อดีตสามีเธอคนนี้จะจากไปใน 2-3 ปีให้หลัง จาหนั้นในปี พ.ศ.2524 ได้ไปพบรักกับตากล้องหนุ่มมากฝีมือทั้งยังเป็นนักแสดงที่ฝากผลงานไว้หลายเรื่องอย่าง คุณบี๋ ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์ (ปัจจุบันเป็น สามีของ
คุณฮันนี่ ภัสสร) ซึ่งทั้งคู่ได้พบรักกันจากการถ่ายนิตยสาร คบหาดูใจกันได้ 3 ปี ก็เลิกรากันไป นอกจากนี้คุณต่ายยังเคยได้คบหาดูใจกับ อนิรุทธ์ เถรว่อง และ นำพล รักษาพงษ์ (โต หินเหล็กไฟ) ซึ่งเลิกกันในปี พ.ศ.2548
หลังจากนั้นคุณต่าย เพ็ญพักตร์ ก็ใช้ชีวิตโสดมานานนับ 10 ปี โดยเธอเคยให้สัมภาษณ์ว่า การอยู่คนเดียวนั้นถือเป็นความสุขอีกแบบหนึ่ง อยู่กับเพื่อน ใช้ชีวิตแบบทำงานทุกวันก็ไม่ต้องคิดอะไร โดยคุณต่ายก็เคยได้ออกมาเปิดเผย
เรื่องเล่าชีวิตของเธอกับบุตรชายคนเดียวว่า “ต้องยอมรับว่าช่วงที่โตนเล็กๆ ต่ายบกพร่องต่อหน้าที่แม่ไปบ้าง เพราะต้องทำงานหนัก โดยเฉพาะช่วงที่เขาอายุ 6-7 ขวบ ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ไม่ไปรับ-ส่งที่โรงเรียนเหมือนแม่ของ
เพื่อนๆ ต่ายจึงใช้วิธีพาเขาไปดูว่าแม่ต้องทำงานหนักอย่างไร ถ้าให้แม่อยู่กับโตนตลอดเวลา เราจะไม่มีตังค์ พอเขาเห็นอย่างนี้แล้ว ต่ายแทบไม่ต้องทำความเข้าใจกับเขาเรื่องการทำงานอีกเลย เพราะเขารู้ว่าแม่เต็มที่เสมอกับการ
ทำงาน” “เวลาเดินด้วยกัน ต่ายจะควงแขนเขาตลอด ซึ่งถ้าดูภายนอกอาจไม่ค่อยเหมือนแม่บุตรกันเท่าไหร่ จนมักมีเสียงพูดตามหลังมาว่า…ดูเพ็ญพักตร์สิ มาเดินช็อปปิ้งกับเด็ ก คงเพราะคนลืมไปแล้วว่าต่ายมีบุตร มีหนหนึ่งไปเจอ
เพื่อนโตนที่เป็นฝรั่ง พอเขาเห็นต่าย จึงถามโตนว่า…นี่แฟนยูเหรอ โตนบอกว่าเป็นแม่ แต่เขาไม่ยอมเชื่อ ส่วนเรื่องที่เราต้องคุยกันตลอด คือ เมื่อมีผู้ชายมาจีบแม่ ด้วยความที่เขาเป็นผู้ชาย ก็จะช่วยดู เหมือนเวลามีสาวๆ เข้ามาใน
ชีวิตเขา ต่ายก็ช่วยดูเหมือนกัน ยังบอกให้พามาที่บ้าน จะได้ให้คำปรึกษา แต่ถึงที่สุดแล้ว บุตรเรารักใคร เราก็รักด้วย แต่จะเตือนเขาตลอดเวลาว่า อย่ามีแฟนทีเดียวสองหรือสามคน ต้องให้เกียรติผู้หญิงและครอบครัวของเขา เพราะ
แม่เองก็เป็นผู้หญิง ทำอะไรต้องคิดถึงแม่ด้วย เพราะไม่ว่ายุคสมัยจะเปลี่ยนไปขนาดไหน ต่ายก็ยังอยากให้บุตรเป็นสุภาพบุรุษเสมอ” นับเป็นเรื่องราวของแม่-บุตรที่แม้จะไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกันนัก แต่ต่างฝ่ายต่างมีความรักความห่วงใยให้กันตลอด จวบจนวาระสุดท้าย
