บันเทิง
เปิดเจ้าของเสียงรายการ ‘กระจกหกด้าน’
เปิดเจ้าของเสียงรายการ ‘กระจกหกด้าน’
หากได้ยินเสียงทำนอง “ตุ่งดุ่งดุง ดุ๊งตุงดุ่งดุง ตุ่งดุ่งดุง ตุ่งดุงดุ่งดุง” เชื่อว่าคนไทยแทบทุกคนต้องร้องอ๋อว่ากำลังพูดถึงรายการอะไรอยู่ เชื่อว่าหลายๆคน อาจยังไม่เคยทราบว่าตัวจริง
ของเจ้าของเสียงพากย์รายการคือใคร วันนี้จะพาทุกคนไปรู้จักท่านกันค่ะ สำหรับ ‘คุณสุชาดี มณีวงศ์’ เธอเป็นผู้บรรยายเสียงและเจ้าของรายการกระจกหกด้านที่คร่ำหวอดอยู่ใน
วงการสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และงานวิทยุมามากกว่า 40 ปี และยังเป็นเจ้าของเสียงในรายการ กระจกหกด้านที่อยู่คู่คนไทยมาอย่างยาวนาน ชีวิตของเธอโลดแล่นบนเส้นทางอาชีพ
“สื่อ” มายาวนาน ผ่านการเก็บเกี่ยวสะสมประสบการณ์ตั้งแต่ยังเล็ก “ด้วยความเป็นบุตรคนกลางจากบรรดาพี่น้องผู้หญิง 4 คน มีความรู้สึกว่าพ่อแม่ไม่รัก ต้องรักตัวเอง
เเละค่อนข้างเข้มแข็งกว่าคนอื่น ทุกคนรู้สึกว่าเราต้องพึ่งตัวเองได้ เลยหัดคิดเอง ทำทุกอย่างด้วยตัวเอง เริ่มหาตังค์ได้เองตั้งแต่ยังเป็นนักเรียน ระหว่างไปโรงเรียนผ่านตลาดเทเวศร์
จะแวะซื้อดอกกุหลาบ ดอกละ 1 สลึง ซื้อ 3 บ. แถม 3 ดอก แล้วเอาไปจำหน่ายดอกละ 50 สตางค์ พยายามมองสิ่งที่เราเห็นว่าอะไรเป็นตังค์ได้ ทำให้มีตังค์ใช้จ่ายเวลาอยาก
จะซื้ออะไรพิเศษเป็นของตัวเอง หลังจบ ม.4 ที่โรงเรียนเขมะสิริอนุสสรณ์(หลังจากนั้น 1 ปี ถึงเป็นระบบ มศ.) ก็ออกมาเรียนเทียบ ม.5-ม.6 ส่วน ม.7-ม.8 แม้สุชาดีมั่นใจว่า
สอบได้แต่เพราะอายุไม่ถึงจึงหมดสิทธิสอบ เลยมาช่วยพ่อทำเสมียนสำนักงานทนายความพักใหญ่ ก็มีญาติมาชวนไปทำงานจำหน่ายสบู่ ค่าแรงเดือนละ 600 บ. ไม่นานญาติจึงให้มา
ช่วยงานหาโฆษณาที่ “หนังสือพิมพ์ พิมพ์ไทย” เป็นการก้าวเท้าเข้าสู่วงการสื่อครั้งแรก ระหว่างนั้นมีงานพิเศษช่วยเพื่อนที่ทำโฆษณา เก็บตังค์ทุนหมุนเวียน หางานโฆษณา ยังมีโอกาส
ได้เป็นผู้บริหารสถานีวิทยุ 2 แห่ง ขณะที่ทำงานอย่างตั้งใจ การใช้ชีวิตของสุชาดี เรียกได้ว่าเป็นผู้หญิงก๋ากั่นกระทั่งหักดิบเลิกทุกอย่างในวันเดียวตอนอายุ 30 ปี “เป็นวันที่ได้ไหว้พระวันแรก
ตอนนั้นได้พบหลวงปู่คำดี ปภาโส พระอริยเจ้าศิษย์กรรมฐานสายท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทตฺโต ที่มาผ่าตัดตาที่โรงพยาบาลจักษุรัตนิน ได้ขอกรรมฐานจากท่าน จากนั้นก็นั่งสมาธิ ถือศีล
เรื่อยมา” การเข้าหาทางธรรมในครั้งนั้นทำให้เกิดชื่อรายการสารคดี “กระจกหกด้าน” กระจกหกด้านช่วงแรกแฝงธรรมะหมดเลยเทปแรกชื่อตอน”สัจธรรมจากก้อนหิน”เป็นภาพน้ำไหลจาก
ก้อนหินแหลมคม ถูกน้ำไหลเซาะจนกลมกลิ้ง ไปถ่ายทำที่วังตะไคร้ จ.นครนายก เนื้อหาช่วงแรกเขียนเองและมีฟรีแลนซ์บ้าง แต่ช่วงหลังถอยลงมาพบกันครึ่งทาง ให้คนรุ่นใหม่เขียนงานบ้าง
ซึ่งเขาก็มีแนวคิด มีอะไรน่าสนใจเยอะ ส่วนบรรณาธิการช่วงแรกก็มีหลายท่านมานั่ง แต่ระยะหลังไม่ค่อยมีใครอยากทำ เพราะเป็นงานยาก ละเอียด เลยลงมาทำเอง เรตติ้งก็เพิ่มขึ้น
อาจจะเป็นเพราะเราชอบดูรายการสารคดีและภาพยนตร์ดีๆ จากต่างประเทศ และเมื่อถามว่าทำไมถึงพากย์เสียงด้วยเองตลอด? คุณสุชาดีให้คำตอบว่า จ้างคนอื่น แพง ถ้าเราพากย์เอง ฟรีนั่นเอง
