บันเทิง
ล่าสุด ‘แห้ว รีเจนซี่’
ล่าสุด ‘แห้ว รีเจนซี่’
เชื่อว่าหลายๆคนคงจำเขาคนนี้ได้ สำหรับ แห้ว รีเจนซี่ หรือ แห้ว ปณิธาน สังข์ประเสริฐ อดีตนักแสดงตลกชื่อดังเมื่อหลายสิบปีก่อน ที่ก่อนหน้านี้หายหน้าไปทำงานที่ต่างประเทศ และบวชนานถึง 5 พรรษา ก่อนจะลาสิกขาออกมาใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป
เป็นตลกที่มีชื่อเสียง แต่แล้ววันนึงต้องกลับมาเริ่มต้นนับ 1 ใหม่? “เข้าใจในชีวิตตัวเองว่าเกิดมาไม่ได้เป็นคนมีวาสนาเหมือนคนอื่น ต้องหาตังค์เรียนตั้งแต่เล็ก ป.4 ก็เริ่มทำงานส่งตัวเองเรียนมาโดยตลอด ยิ่งเริ่มโตก็ได้เรียนรู้ชีวิตก็ยิ่งเข้าใจ
เพราะชีวิตของแห้วมันเป็นเหมือนเส้นกราฟ มีขึ้นมีลง ตอนที่แต่งงานเป็นข่าวใหญ่โตตอนนั้นคือชีวิตขึ้นสูงสุด มีรายรับต่อเดือนเป็นแสนๆ ตอนนั้นงานเยอะ ชีวิตตอนนั้นขาขึ้น มีตังค์เก็บเป็นล. แล้วก็เอามารัก ษาคุณพ่อ คุณแม่ก็มีปัญหาสุขภาพ
ก็ภูมิใจนะที่ตังค์ของตัวเองเอามาดูแลคุณพ่อคุณแม่ ในระหว่างนั้นก็รู้ว่าตัวเองมีปัญหาสุขภาพเช่นกัน ถามตัวเองว่าจะเอาตังค์มารักษาใคร พ่อกับแม่หรือว่าตัวเราเอง ก็ตัดสินใจเอามารักษาพ่อกับแม่ เพราะถ้าไม่มีเค้าก็ไม่มีเรา ส่วนตัวเองก็ดูแลตัวเองไป
สู้กับมันนี้ไม่ใช่ของง่าย แต่ต้องดูแลตัวเอง อาหารการกิน ก็ดูแลตัวเองมาโดยตลอด ช่วงที่ชีวิตขาลงก็ทำทุกอย่าง ไปเป็นพ่อค้าตามตลาดนัด ถามว่าอายมั้ย อืม เราเอาธรรมะเข้ามาช่วย ตนต้องรู้จักตนให้ได้ รู้จักสิ่งที่ตัวเองเป็นให้ได้
พอเข้าใจในชีวิตตัวเอง ผมเข้าใจชีวิตนะ คนเราแข่งอะไรแข่งได้ แต่ให้แข่งบุญแข่งวาสนามันแข่งไม่ได้ มองย้อนกลับไปก็เห็นว่าตัวเองไม่ได้เกิดมาบนกองตังค์กองทอง วาสนาไม่มีเหมือนคนอื่นเค้า เราได้แค่นี้ก็บุญแล้ว ได้มาสัมผัสชีวิตที่ได้ตังค์
มาอย่างสบายๆ ได้เรียนรู้ชีวิตสบายๆ แต่วันนึงต้องกลับมาใช้ชีวิตแบบนับหนึ่งใหม่ ใช้ชีวิตแบบสมบุกสมบัน มันเป็นชีวิตใหม่นะ การอยู่สูงสุดแล้วต้องลงมาต่ำสุด สำหรับแห้วมันไม่ใช่สิ่งลำบาก เพราะก่อนที่จะเริ่มต้นมาเป็น แห้ว รี
เจนซี่ ก็ผ่านอะไรมาเยอะเหมือนกัน การตกลงมาเลยไม่ใช่ปัญหาสำหรับการใช้ชีวิต” หลังจากหันหลังให้วงการ ไปทำอะไรอยู่ที่ไหน? “ชีวิตก็ผกผันได้ไปทำงานที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่อเมริกา เป็นผู้จัดการซุปเปอร์มาร์เก็ตครับ คือคนที่
เค้าชักชวนให้ไปทำงาน เรารู้จักกันมาก่อนตอนที่ไปโชว์ตัวที่อเมริกากับ น้ากล้วย เชิญยิ้ม ก็ติดต่อกันมาเรื่อยๆ จนวันนึงเค้าก็ถามว่า เห็นบอกว่าอยากจะมาทำงานที่ต่างประเทศ มาทำงานกับเค้ามั้ย ก็เลยตัดสินใจไปใช้ชีวิตที่
อเมริกา เหลือตังค์ก้อนสุดท้ายที่เก็บเอาไว้ดูแลแม่อยู่ 1 ก้อน ตังค์ก้อนนี้ใช้ได้ประมาณ 7 เดือน แม่ป่วยต้องฟอกไตเดือนละ 1 แสน เหลือตังค์ก้อนนี้ก้อนสุดท้ายก็เลยตัดสินใจไปทำงานที่นั่น แล้วชีวิตก็เปลี่ยนไป ตอนต้องไปปรับ
ตัวทำงานที่นั่นไม่ยากสำหรับเรา เพราะว่าเราเคยทำงานหลายๆ อย่างมาแล้ว แต่ก็มีคิดนิดนึง เพราะตอนที่ทำงานในวงการได้ตังค์เป็นแสนๆ ต่อเดือน แต่ตอนนั่นต้องเป็นมนุษย์เงิ นเดือน ตกเป็นตังค์ไทยก็เดือนละ 7 หมื่น คือตั้งใจ
ไปทำงานเลย ทำให้ไม่มีปัญหาในการใช้ชีวิต เค้าให้ทำอะไรก็ทำ ทำทุกอย่างเลย เพราะก่อนหน้าที่จะทำงานในวงการก็เคยผ่านการทำงานมากว่า 40 อาชีพ ก็เลยไม่รู้สึกลำบากใจอะไรที่วันนึงเราจะต้องมาทำงานในซุปเปอร์ฯ
เพราะตั้งใจเอาไว้ว่าจะส่งตังค์กลับมารัก ษาแม่ทุกบ.ทุกสตางค์ เพราะกินฟรีอยู่ฟรี แทบไม่ได้ใช้อะไรเลย ก็เป็นไปตามที่ตั้งใจว่าในช่วงที่ไป 7 เดือนจะต้องเก็บตังค์ให้ได้ก้อนนึง แต่อยู่ไปอยู่มา 15 ปี จนได้ซิติเซ่นของที่อมเริกา
แล้ว” กับอดีตคนเคยรัก ทุกวันนี้ยังได้ติดต่อกันมั้ย? “กับคุณพาเมล่า 15 ปีที่จากไปไม่เคยติดต่อกันเลย หลังจากปี 2000 ที่เราเลิกกัน ไม่ได้ติดต่อ โทรคุย เบอร์โทรยังไม่มีเลย เราเดินกันคนละทางกันแล้ว การแยกทางกันต่อให้
บอกว่าเป็นเพื่อนนะ แต่บางทีมันก็ไม่ใช่ หลังจากที่ผิดหวังจากชีวิตครอบครัวมาก็ได้ข้อคิดมา ตอนนี้ถามว่าเสียใจมั้ย เสียใจนะ แต่ก็หาอย่างอื่นทำ นั่นก็คือการกลับไปดูคุณพ่อคุณแม่ หางานทำเพื่อหาตังค์มาดูแลท่าน จิตใจมันไปจดจ่ออยู่กับสิ่งนี้”
