บันเทิง
ชีวิตจริง ‘จิ๋ม ปนัดดา’ กับเรื่องในวงการ
ชีวิตจริง ‘จิ๋ม ปนัดดา’ กับเรื่องในวงการ
เป็นนักแสดงคุณภาพที่อยู่คู่กับวงการมายาวนานถึง 40 ปี แต่ฝีการแสดงและผลงานของ แม่จิ๋ม ปนัดดา โกมารทัต ไม่เคยมีแผ่วรักษาระดับไว้อย่างดีเป็นมาตรฐาน
เมื่อได้มาเยือนรายการดัง เจ้าตัวได้เล่าย้อนให้ฟังถึงการก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงเพราะเป็นคนพูดเยอะเลยทำให้ได้มายืนอยู่ ณ จุดนี้ พร้อมยังเล่าถึงพระเอกในดวงใจ
ที่เข้าฉากด้วยกันทีไรทำตัวเองเก็บอาการไม่อยู่ พร้อมทั้งอัพเดทชีวิตปัจจุบันที่ยังคงรับงานละคร และ มีความสุขที่สุดที่ได้เห็นบุตรชายประสบความสำเร็จ ต้องเล่าย้อนไปน่าจะ 40 ปีค่ะ
คือ น้องสาวเขาไปเป็นนางงามขวัญใจช่างภาพ แล้วคือเวลาที่เขามีงานจัดเลี้ยงเราก็ต้องไปเป็นเพื่อนน้อง (เหมือนไปเป็นพี่เลี้ยงนางงาม) ซึ่งเวลาที่เราทานอาหารกันอยู่สงสัยเพราะเรา
จะพูดมากมั้งคะ พี่ที่ร่วมโต๊ะเขาก็พูดกับเราว่าหนูนี่กล้าหาญเนอะ พูดเก่งหนูไปเป็นดาราไหม แล้วเราก็ถามกลับไปเพราะว่าที่เราไม่รู้จริงๆ ดาราได้ตังไหมคะ (เพราะแม่เป็นครอบครัวที่
ร่ำรวยแม่จะเห็นแก่ตัง (หัวเราะ)เป็นหนังเรื่องแรกเลยค่ะ เล่นเป็นสากกะเบือเลยเพราะตอนนั้นยังไม่มีการสอนแอคติ้งหรือเรียนการแสดงเลย เราก็ได้ดารารุ่นพี่สอนซึ่งกันและกันแล้วคือ
เราก็กลัวเขาอยู่แล้วแล้วเราก็แอบมองเขาเวลาที่เขาแสดง ซึ่งเราก็มาคิดว่าเราก็กินข้าวหม้อเดียวกับเขาเวลาที่เราอยู่กองแล้วทำไมเขาเล่นได้เราทำไมเล่นไม่ได้ ตอนนั้นเกือบหนีมีอยู่เรื่องหนึ่ง
ค่ะ เรื่อง บัวสีน้ำเ งิน ค่ะ เพราะว่า คุณพ่อพันธุ์เทพ บอกว่ามันต้องมีเลิฟซีน ต้องแก้ผ้าในโรงแรมสมัยก่อนแล้วเราเล่นกับพี่ต้อย เศรษฐา ตอนนั้นคือ แม่เป็นนักเรียนแล้วแม่ก็ให้เพื่อน
ไปเป็นเพื่อนที่กองถ่ายแล้วปรึกษาเพื่อนว่าถ้าเขาให้ฉันแก้ผ้าหมดฉันจะหนีเลยนะ ฉันไม่เล่นจะยอมให้เขาด่า ซึ่งตอนนั้นเขาไม่ได้ให้เราทำนะคะ แต่เขาแกล้งแม่ทั้งวันเลย แต่จริงๆแล้วเขา
มีสแตนอินเหมือนกันเลยแล้วก็หุ่นคล้ายๆกับเราเลยแล้วเขาก็ไปแก้ผ้าแทนเราในโรงแรม ซึ่งก็ทำให้เราคิดไปทั้งวัน ซึ่งสุดท้ายเราก็ไม่ได้หนีค่ะ เพราะเราไม่ได้เล่นเอง ซึ่งสุดท้ายพอ
หนังออกฉายแล้วก็ประสบความสำเร็จมากๆเลยค่ะจากละครเรื่อง บางระจัน เลยทำให้ แม่จิ๋ม ไปเจอกับพระเอกในดวงใจซึ่งบอกเลยว่าเล่นแทบไม่ได้เลยเพราะว่าไม่กล้าสบตากับผู้ชายคนนี้
นั่นก็คือ พี่หนิง นิรุตติ์พราะต้องบอกเลยว่าสายตาของพี่หนิงเวลาสายตาหนุ่มกับสาวเวลามองกัน เวลาเราไดร์ผมเขาก็แอบมองเรา เราก็เขิน แล้วคือในเรื่องเราก็ต้องเล่นเป็นสามี ภรรยากัน
ต้องเล่นเลิฟซีนกันบ่อยมากไม่ว่าจะเป็นเรื่อง บางระจัน หรือ ชื่นชีวานาวี คือจะต้องมีเลิฟซีน ต้องมีกอดกัน เพราะเวลาที่กอด พี่หนิง คือ ก้นของเราก็จะเด้งออกแบบที่เราไม่รู้ตัว จนผู้กำกับ
เรียกเราให้ไปดูที่มอนิเตอร์ว่าเวลาเรากอดเราเป็นยังไง เราเห็นแล้วก็รู้สึกว่าท่าเราน่าเกลียดมาก ท่านก็สอนเทคนิคให้เราว่าเอาขาอีกข้างไปแนบขา พี่หนิง ไว้เป็นมุมกล้องมันบังได้ซึ่งหนึ่ง
ความภาคภูมิใจของ แม่จิ๋ม เลยคือบุตรชายเขาเป็นบุตรชายคนเดียวแล้วตอนที่เขา 6-7 ขวบ แม่ก็คิดว่าจะเลี้ยงบุตรชายยังไงไม่ให้ออกจากบ้าน ก็เลยปรึกษาสามีว่าคุณย่าทำอาหารเก่งเรามา
ทำอาหารขายไหมพอบุตรโตแล้วเวลาเขามีเพื่อนจะได้เอาเพื่อนมาแฮงเอาท์ที่บ้าน ซึ่งพอเขาได้เห็นได้สัมผัสเขาก็ชอบในการทำอาหาร ซึ่งเขาก็บอกเราว่าแม่ครับ ไอซ์ ไม่ใช่เชฟหรอกครับ
แต่ ไอซ์ เป็นคนที่ชอบทำอาหารมากกว่า แต่ตอนนี้เขาก็ไปถึงเชฟระดับ เชฟมิชลิน แล้วค่ะและตอนนี้ก็มาเปิดอีกร้าน ชื่อ ว่า ศร ที่ทานแล้วเรามีความรู้สึกว่าเราภูมิใจที่เกิดมาเป็นคนไทยค่ะ
