เปิดภาพภรรยา ‘จาพนม’
เรียกได้ว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักเขาคนนี้ สำหรับ จา พนม หรือ ทัชชกร ยีรัมย์ อดีตนักกีฬาซึ่งเริ่มเข้าสู่วงการแสดง พ.ศ. 2535 โดยเซ็นสัญญา
เป็นนักแสดงภาพยนตร์สังกัดค่ายสหมงคลฟิล์มเมื่อ พ.ศ. 2546 แต่ปัจจุบันได้ยกเลิกสัญญาแล้วเนื่องจากปัญหาความขัดแย้งทางกิจการ โดยใช้
และเป็นต้นแบบคติในการแสดง คือ แสดงจริง ไม่ใช้สตันท์แมน และไม่ใช้เทคนิคพิเศษในการแสดงคิวต่อสู้ เขาใช้ชื่อในการแสดงเฉพาะในประเทศไทยว่า
จา พนม และใช้ชื่อในการแสดงระดับสากลว่า โทนี่ จา Tony Jaa นั่งเองค่ะ และวันนี้กว่าจะขึ้นแท่นมาเป็นดารานักบู๊เบอร์หนึ่งของไทย นั้นไม่ง่ายเลย
สำหรับ หนุ่ม “จา พนม” แต่เป้าหมายกลับเกินฝันเมื่อได้ไปเป็นถึงนักแสดงนำหนังบู๊ที่ฮอลลีวูด ซึ่งเจ้าตัวได้มาเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้นตั้งแต่เป็นสตั๊นต์แมนอยู่เบื้องหลัง
จนก้าวมาอยู่เบื้องหน้าและมีชื่อเสียงในระดับโลกก่อนหน้านี้ภาพยนตร์เรื่องสำคัญเรื่องแรกที่เขาแสดงนำคือ องค์บาก ซึ่งได้รับการชื่นชมและสนใจจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
กับวงการศิลปะการต่อสู้และภาพยนตร์ด้านต่าง ๆ ในประเทศไทยและระดับโลกอย่างมากด้วยการฝึกฝนด้วยตัวเองบวกกับศิลปะการต่อสู้ของไทยมวยไทยมันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์มาก
จนได้มาเล่นองค์บาก คือจุดเปลี่ยนของชีวิตเลยจากสตั๊นต์มาเป็นนักแสดงนำ นับเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในชีวิตของเขาที่ประสบความสำเร็จในวงการภาพยนตร์แอ๊กชันระดับโลก
ซึ่งต่อมาภาพยนตร์ ต้มยำกุ้ง ก็ได้ประสบความสำเร็จในระดับโลกสูง และได้รับการตอบรับจากทั่วโลกเช่นเดียวกับองค์บาก ทำให้เขาได้รับรางวัลจากภาพยนตร์และศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง
กับการต่อสู้มากมาย ต่อมาได้เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทไอยราฟิล์ม บริษัทผลิตและจัดจำหน่ายภาพยนตร์และได้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์แนวแอ๊คชั่นหลายเรื่อง ปัจจุบันทัชชกรสมรสกับ
ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์ ซึ่งเป็นบุตรสาวเจ้าของธุรกิจโรงแรมที่จังหวัดระยอง เมื่อ พ ศ 2555 และมีบุตรด้วยกัน 2 คน วันนี้เราลยจะพาทุกท่านมาส่องชีวิตครอบครัวของ จา พนมกันค่ะ
ต่อมาเกิดปัญหาคาราคาซังภายในครอบครัวยีรัมย์ มานานถึง 5 ปีกระทั่งคุณพ่อทองดี ยีรัมย์ ไม่อยู่แล้วเมื่อปี พ ศ 2557 นั้น ซึ่งเมื่อเช้าวันที่ 4 ธันวาคม 2560 จา พนม พร้อมด้วยแฟนสาว
บุ้งกี๋ ปิยะรัตน์ และบุตรสาวทั้ง 2 คนคือ ด ญ หทัยปวีต์ ยีรัมย์ หรือน้องจอมขวัญ และ ด ญ นริทรรัฐ ยีรัมย์ หรือน้องเรือนแก้ว พร้อม นางวรรณา สุรวิทยานนท์ เดินทางกลับมายังบ้านโคกสูง
จ สุรินทร์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของจา ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่เกิดความบาดหมาง ทุกฝ่ายไม่มีการติดต่อกัน ได้แต่เพียงเจรจาผ่านคนกลางคือนายไชยพงษ์ แสนดี เจ้าของปางช้าง อ ไทรโยค
จึงได้นำพวงมาลัยดอกไม้ กราบขอขมาคุณแม่ริน ยีรัมย์และได้ประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้แก่คุณพ่อทองดี ยีรัมย์ พ่อของจา พร้อมทำพิธีบูชาศาลพระภูมิเจ้าที่ เซ่นไหว้ครูปะกำบายศรีสู่ขวัญเรียกขวัญ
ให้แก่ทั้ง 3 ครอบครัวไล่สิ่งไม่ดีออกไปขอให้พบแต่สิ่งดีงามมีความรักสามัคคีในหมู่เครือญาติและครอบครัว ซึ่งบรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ซึ่งหลังเสร็จพิธี จา พนม ยีรัมย์ ยังได้นำเหรียญบูชา
ครูรูปช้างสามเศียร มาแจกให้กับญาติๆได้นำไปไว้บูชาเพื่อความเป็นศิริมงคลแต่ปฏิเสธให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเพราะเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว ขอให้ต่อจากนี้ไป มีแต่ความรักความอบอุ่นของคนในครอบครัว
