ปัจจุบัน ‘ทูน หิรัญทรัพย์’ หลังเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว
เชื่อว่าหลายๆคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดีสำหรับ ทูน หิรัญทรัพย์ โดยเฉพาะเหล่าบรรดาคุณพ่อคุณแม่หลายๆท่าน โดนต้องบอกเลยว่า ทูน หิรัญทรัพย์
นั้นนโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมาเป็นระยะเวลานานโดย ทูน หิรัญทรัพย์ เริ่มมีชื่อเสียงจากภาพยนตร์เรื่อง แก้วตาพี่ หลังจากนั้นก็มีผลงานทางจอเงิน
ออกมาหลายเรื่องซึ่งส่วนใหญ่มีนางเอกคู่ขวัญอย่าง เปิ้ล จารุณี สุขสวัสดิ์ ต่อมา ทูน หิรัญทรัพย์ ได้ผันตัวไปเล่นละครโทรทัศน์โดยรับบทพระเอก
ในช่วงแรกจนรับบทพ่อนับว่าเป็นอีกหนึ่งพระเอกในตำนานที่ยืนหนึ่งอยู่ในใจของแฟน ๆ ตลอดมา พร้อมกับทุกคนยังคงให้ความสนใจกับเรื่องราวในชีวิต
ล่าสุดเจ้าตัวได้พาบุตรสาวคนสุดท้อง น้ำตาล หิรัญทรัพย์ ที่ไม่ค่อยออกสื่อได้มานั่งพูดคุยแบบเปิดอก ในรายการดัง โดยให้สัมภาษณ์ทุกเรื่องราวในชีวิต
ทั้งเหตุผลที่ต้องหย่ากับอดีตภรรยา การใช้ชีวิตที่มืดบอดเพราะสูญเสียการมองเห็น และให้สัมภาษณ์ต่อว่าเมื่อได้ฟังพยายามยื้อชีวิตคู่มายาวนานกว่า 38-39 ปี
คนก็มักจะถามว่าทำไมรอขนาดนี้ เพราะเราอยากให้บุตรโตแล้วรู้เรื่องก่อนเพราะว่าที่เราอยู่ด้วยกันมาเราอยู่กันเพราะว่าบุตรตอนแรกที่ตั้งใจว่าจะอยู่กันเพื่อบุตรแต่บุตร
บอกว่าหย่าเถอะ พ่อกับแม่ และบุตรสาวคือคนที่พาไปหย่า คนที่หนึ่งกับคนที่สองเขาก็เข้าใจ เพราะตอนเด็ก ๆ เขาก็จะได้ยินเสียงโป้งเบ้ง ๆ กันตลอด
ในสิ่งแวดล้อมที่มันไม่ดีเขาก็คิดมาก เขาก็อยากให้อยู่กันได้โดยที่ไม่ต้องอยู่ด้วยกัน สำหรับเรื่องนี้เราคุยกันในครอบครัวว่าทางออกมันจะเป็นยังไง เพราะว่าบุตร
คนหนึ่งไปเรียนอเมริกา คนหนึ่งเรียนที่ออสเตรเลีย เขาก็เห็นเรื่องการหย่ามาเขาก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องปกติ (เพราะในช่วงนั้นเราปากเสียงกันเยอะ) เรื่องมันเกิดขึ้นมาเป็นระยะ ๆ
ราก็แค่หาทางทำยังไงให้ลดตรงนี้ลง (ถามว่ายากไหมในการตัดสินใจ) ตอนนั้นทุกอย่างลงตัวหมดแล้ว เรื่องของบ้าน เรื่องของการดูแลบุตร ให้เรียนจบ แล้วก็ทุกอย่างมัน
พร้อมหมดแล้วเราก็คิดว่าเราอยากจะทำอะไรเพื่อตัวเองแล้วกับเวลาที่เหลือ มันอาจจะไม่มีโอกาสทำ ก็เลยได้ทำเรื่องของสังคม เยาวชนก็เลยมีความสุขกับตรงนี้ บุตร
ทุกคนก็เห็นด้วยกับตรงนี้ บุตร เป็นพยานให้เลยครับ เขายังบอกเราอีกว่า พ่อ .. หยุดเถอะ ทำไมทำให้คนอื่นเขา ทำไมไม่ทำให้ตัวเองบ้าง หยุดเถอะ หยุดบ้าง
เราก็บอกว่าไม่ได้เพราะอีกไม่นานเราก็เข้าเลข 7 แล้วเพราะตอนนี้เราก็ย่างเข้า 66 ปีแล้ว เราก็อยากจะทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์ ซึ่งสำหรับอดีตภรรยาของผมาตอนนี้เรายังสามารถติดต่อ
พูดคุยกันได้ปกตินะครับ แต่ว่าอาจจะไม่ได้สนิทเท่ากับสมัยก่อนและอาจจะไม่ได้คุยกันบ่อย ๆ เหมือนเดิมพี่สองของหนูทั้งสองคนคือเขาคุยกับเรา เราสนิทกันมากใกล้ชิดกันมาเขาทั้งคู่
ก็มาอธิบายให้เราฟังว่าเราโอเคไหมที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ แถมอัพเดตตอนนี้ตาข้างขวาคือมองไม่เห็นเลย ตาข้างซ้ายยังมองเห็นอยู่แต่แค่ 30 เปอร์เซ็นต์
ตอนแรกที่เรารับรู้ว่าจะมองไม่เห็นเหมือนเราไม่รู้อนาคต ไม่รู้อาทิตย์หน้าจะมองไม่เห็นอีกข้างหนึ่งไหมเลยเกิดความเครียดขึ้นมาครับลังจากนั้นเราก็พยายามนะครับฝึกและซ้อมว่า
ถ้าวันหนึ่งเราเกิดมองไม่เห็นจริง ๆ เราก็ลองปิดตาดูให้เหมือนเราอยู่ในโลกมืดแล้วใช้วิธีการแบบคลำเอาใช้มือเป็นตาให้เราว่าตรงนี้ ๆ คือสวิตซ์นะ อะไรแบบนี้ครับ
