บันเทิง
บ้านมาดาม ‘กบ ปภัสรา’
บ้านมาดาม ‘กบ ปภัสรา’
เชื่อว่าชื่อของ ‘กบ ปภัสรา เตชะไพบูลย์’ น้อยคนแน่นอนที่จะไม่รู้จักเธอคนนี้ วันนี้จะขอพาทุกคนไปชมบ้านหลังงามของเธอ ซึ่งบ้านที่เห็น มันไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่มันเหมือนสถานที่ที่ใครๆ อยากมี
ยากอยู่ และอยากเป็น บ้านบางหลังใหญ่โต แต่ก็ไม่น่าอยู่ บ้านหลายหลังสวยหรูตระการตา แต่กลับดูเงียบเหงาทั้งที่มีผู้คนมากมาย แต่บ้านหลังนี้สิ บ้านของกบ ปภัสรา ทำไมน่าอยู่จัง ทำไมพี่กบดูมีความสุขมากๆ
เวลาอยู่บ้าน ทำกิจกรรมที่บ้าน ก็ดูแสนจะธรรมดา แถมพี่กบก็ใช้ชีวิตแสนเรียบง่าย ไม่ว่าจะอยู่กรุงเทพฯ หรือกลับบ้านที่อำเภอสองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี นั่นเอง จะเป็นอย่างไรบ้างไปชมพร้อมๆกันเลยค่ะ
นอกเหนือจากบ้านที่แสนจะอบอุ่นและสบายแล้ว คุณกบยังเปิดไร่องุ่นและฟาร์มม้าอีกด้วยซึ่งที่นั่นเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ตั้งอยู่บนถนนสายมวกเหล็ก-วังม่วง อำเภอวังม่วง ใกล้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์
มีพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ มีแปลงองุ่นพันธุ์ดีบนเนินเขา ฟาร์มม้า ฟาร์มนกกระจอกเทศ ไร่ปภัสรามีพื้นที่ทำฟาร์มเลี้ยงม้าขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย รวมทั้งสามารถเพาะองุ่นพันธุ์ดีได้ถึง 3 สายพันธุ์ คือ
แบล็คไนท์ องุ่นดำไร้เมล็ด ทานสดได้ คั้นน้ำดื่มได้ หรือทำเป็นไส้พายก็อร่อย อีกพันธุ์คือ ลูพเพลเล็ต องุ่นเขียวไร้เมล็ดหวานจัด นิยมทานสด ๆ สุดท้ายเป็นพันธุ์ราคาแพงคือ พันธุ์ไข่ปลา
คาเวียร์ เม็ดเล็กสีดำสนิท เกาะเป็นพวกเหมือนเม็ดพริกไทย ต้องทานทั้งพวก หอมหวานเป็นพิเศษ และเป็นที่นิยมมาก สิ่งสำคัญคือ องุ่นที่นี่เพาะแบบไร้สาร ไม่ใช้ ยา และไม่
ทำร้ายนก ใช้หุ่นไล่นกแทน เมื่อมาเที่ยวไร่ปภัสราต้องไม่พลาดของอร่อย เช่น ชิมองุ่นสด ดื่มน้ำองุ่นสด พายองุ่น และไอศกรีมองุ่น ส่วนกิจกรรมน่าเล่นก็มี วอล์คแรลลี่ ขี่จักรยานตามไหล่
เขา ขี่ม้าชมรอบฟาร์ม ถ่ายรูปกับมุมสวยในไร่ ช้อปปิ้งของฝาก หรือจะไปเดินชมฟาร์มนกกระจอกเทศก็ได้ หากมาช่วงทานตะวันบาน ที่ไร่ก็มีทุ่งดอนทานตะวันเหลืองอร่ามให้ชื่นชมความงาม
อีกด้วย คุณกบเคยเผยว่า “ช่วงนั้น เค.เอ.เอ็น. ทำละครให้ช่อง 3 ต้องไปถ่ายในไร่องุ่น เสียค่าเช่าพื้นที่แพงมาก แล้วเราก็มีที่อยู่ที่ อ.วังม่วง จ.สระบุรี ซึ่งคุณเอ๋ (พรเทพ เตชะไพบูลย์)
เขาเลี้ยงม้าไว้ ก็เลยลงองุ่น 10 ไร่ในครั้งแรก แล้วก็สร้างบ้านไว้ พอผลผลิตองุ่นออกมาดีมาก เราก็เอาไปแจกเครือญาติ แต่ก็ยังเหลือ หล่นเต็มพื้นไปหมด ก็เลยลองเปิดให้คนเข้าไร่ฟรี”
ปภัสราเล่าถึงที่มาที่ไปของไร่ ผู้มาใช้บริการในช่วงแรกเป็นขาจรที่ขับรถผ่าน แล้วก็บอกกันปากต่อปาก หลังจากนั้นเธอก็ได้นำผลผลิตไปออกบูธในงานของรายการบ้านเลขที่ 5 ทำให้คนรู้จัก
องุ่นปภัสราจากนั้นเป็นต้นมา พอคนรู้จักมากขึ้น องุ่นที่มีอยู่ก็ไม่พอจำหน่าย จึงต้องเพาะเพิ่มอีก 10 ไร่ และเมื่อย่างเข้าปีที่ 2 ก็เริ่มทำร้านอาหาร แปรรูปองุ่นสดมาทำน้ำองุ่น ทำพาย และ
เพาะองุ่นเพิ่มอีก 10 ไร่ เพื่อที่ผลผลิตจะได้หมุนเวียนได้ครบปีพอดี “กบมีความสุขมากๆ เราสามคนพ่อ แม่ บุตร ชอบธรรมชาติเหมือนกัน เรารู้สึกว่าสังคมในกรุงเทพฯ อากาศก็ไม่บริสุทธิ์
ย่างก้าวออกจากบ้านก็ต้องระวังตัว แต่เวลาไปอยู่ที่ไร่ เราตื่นขึ้นมาเวลาเดียวกับกรุงเทพฯ แต่ความรู้สึกแตกต่างกันมาก เราได้อากาศบริสุทธิ์ เห็นต้นไม้ เห็นน้ำค้าง ก้าวออกจากบ้าน ก็ไม่มีภั ยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์ด้วยกันเอง”
