บันเทิง
‘วิน ธาวิน’ เป็นพนักงานโรงงานเกลือ
ชีวิตพลิกไปมาก หลังหายไปจากวงการ
‘วิน ธาวิน’ ไปเป็นพนักงานอยู่โรงงานเกลือ นอกกรุงเทพ
หายหน้าหายตาไปนาน สำหรับอดีตพระเอก วิน ธาวิน เยาวพลกุล น้องชายสุดหล่อของ นาวิน ต้าร์ เยาวพลกุล
โดยก่อนหน้านี้หนุ่มวินมีผลงานการแสดงหลายเรื่องในช่อง 7 ซึ่งเป็นพระเอกคู่ขวัญกับสาว ขวัญ อุษามณี สำหรับอดีตพระเอก วิน ธาวิน
แจ้งเกิดจากละครเรื่อง พลิกดินสู่ดาว แต่ตอนนี้ห่างหายหน้าไปจากวงการบันเทิง ก่อนหน้านี้ก็ได้ เปิดใจในรายการว่า ถึงวินาทีตัดสินใจ
ผันตัวเองไปเป็นพนักงานด้านวิศวกรรม ว่า ผมว่าผมเลยจุดนั้นมาแล้วนะ ถ้าเราน้อยใจ ผมว่าผมอยู่ไม่ได้ ผมไม่รู้สึกน้อยใจนะ มันอยู่กับตัวเรา
ถ้าเราไม่มีคนดูละคร ช่องเขาก็ไม่ไห้ละครเรา มันขึ้นกับว่าเราคิดอย่างไง สัญญาหมดปี 2563 น่าจะแก่แล้ว ไม่มีคนดูเราแล้ว เวลาที่ผ่านมา
ผมไม่ได้ขวนขวาย แต่โอกาสเข้ามา สิ่งที่เราต้องการที่สุดบางทีมันมาในช่วงเวลาที่เราไม่ต้องการ เราต้องพร้อมที่จะเผชิญกับมันเมื่อมันเข้ามา
ล่าสุดหนุ่มวินในตอนนี้ ได้ผันตัวมาเป็นพนักงานด้านวิศวกรรม ที่โรงงานเกลือปรุงทิพย์ ที่ จ.นครราชสีมา โดยย้ายจากกรุงเทพฯ
มาอยู่ที่นี่เลย แต่ก่อนหน้านี้ก็ได้เผยว่า ได้มาเป็นครูสอนดำน้ำ ส่วนหนึ่งมาจากชื่นชอบในการดำน้ำอยู่แล้ว ทำให้หนุ่มวินเลยเลือกที่จะ
มาทำอาชีพนี้ที่ตัวเองชื่นชอบและใฝ่ฝัน และเมื่อปี 2559 ก็ได้ กลับมาอยู่ในวงการบันเทิงมากขึ้นแล้ว หลังหายหน้าหายตาไปเรียนเมืองนอกมาหลายปี
สำหรับพระเอกหนุ่มหน้าใสวิก 7 สี วิน ธาวิน เยาวพลกุล ล่าสุด ได้เจอหนุ่มวินในงานบวงสรวงละคร ซึ่ง วิน พูดถึงการกลับมารับงานละครเพิ่ม
กับทางช่อง 7 มากขึ้นว่า “เรื่อยๆ มากกว่าครับ ต้นปีที่ผ่านมามี 2 เรื่อง มันก็ต่อเนื่องมาจากปี 58 ถ่ายละครมาอยู่แล้ว 2 เรื่อง
แล้วมาออนแอร์ปีนี้พอดี พอจบสองเรื่องก็มีเรื่องนี้ “เรือนพะยอม” อีกเรื่องหนึ่งครับ ก็มีแค่นี้ครับ ตอนนี้ถ่ายอยู่เรื่องนี้เรื่องเดียว”
หลังจากนี้แพลนรับงานยังไง? “ก็ไม่ค่อยได้แพลนนะ แล้วแต่โอกาส แล้วแต่ช่องจะให้โอกาส ถือว่าวินโชคดีที่ไปเรียนเมืองนอกหลายปีกลับมาช่องก็ยังให้โอกาส
ยังป้อนงานละครให้อยู่” เหลือสัญญากับช่องเยอะไหม? “เพิ่งเซ็นสัญญาไปตอนที่กลับมา พอช่องมีละครให้เล่น ก็เซ็นสัญญาต่อไปอีกก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
เซ็นไป 5 ปีครับ เราก็เล่นละครให้ช่อง 7 อยู่แล้ว ไม่ได้คิดว่าจะย้ายไปที่ไหน ถามว่าเหลือสัญญาอีกกี่ปี เพิ่งเซ็นไปเมื่อปีที่แล้วก็ผ่านไปปีหนึ่ง มาปีนี้ขึ้นปีที่สองแล้ว”
