บันเทิง
ล่าสุด ‘เมตตา รุ่งรัตน์’ หวนสู่จอ
ล่าสุด ‘เมตตา รุ่งรัตน์’ หวนสู่จอ
“เมตตา รุ่งรัตน์” จำไม่ได้ว่าวางไปแล้วหรือยัง ดูอีกรอบก็แล้วกันค่ะ เมตตา รุ่งรัตน์ มีชื่อจริง ดาราวดี ดวงดารา นักแสดงหญิงอาวุโส
ฉายา “ไข่มุกดำแห่งเอเซีย” เป็นดารานักแสดงที่มีใบหน้าสวยหวานและคมเข้ม เจ้าของรางวัลตุ๊กตาทอง สาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม
จากเรื่อง วัยรุ่นวัยคะนอง ประจำปี พ.ศ. 2505 เคยแสดงหนังต่างประเทศ 2 เรื่อง และมีผลงานจากภาพยนต์และละครโทรทัศน์อีกหลายร้อยเรื่อง
ปัจจุบันเริ่มวางมือจากการแสดง มีออกรายการรับเชิญบ้าง ไม่มากนัก เนื่องจากปีนี้ 72 แล้ว ยอมรับตามองไม่เห็น เป็นต้อหิน เนื่องจากการ
ถ่ายทำหนังที่ต้องโดนแสงรีเฟล็กซ์มาก อีกตอนนี้ป่วยเป็นโรคชรา นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่าใช้ชีวิตอยู่เพียงลำพังแต่ป้าเหน่งก็ยังยืนยันว่าไม่ลาวงการ
เพียงแค่ลาพักเท่านั้น แต่วันนี้ “แม่เหน่ง” กลับมารับงานแสดงอีกครั้ง พร้อมด้วยร่างกายที่แข็งแรงขึ้นบวกกับจิตใจที่รักและคิดถึงการแสดงอย่างเต็มเปี่ยม
แม้จะไม่มีคู่ชีวิตที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขมายืนเคียงข้างเหมือนดั่งวันวานก็ตามกลับมารับงานละครแล้วนะคะ ที่หายไปก็คือไปดูแลสามีเสียชีวิตแล้วเราก็ไม่สบายต่อ
คือ สุขภาพแม่เหน่งก็ไม่ดีอยู่แล้วเลยไม่เล่นละคร แต่ตอนนี้สุขภาพดีขึ้น ด้วยความคิดถึงก็เลยมาเล่น ก็มารื้อฟื้นดูค่ะ ว่าเรายังเล่นได้อยู่หรือเปล่า
คำตอบก็คือยังเล่นได้อยู่ เลยอดถามไม่ได้ว่าช่วงเวลาที่หยุดพัก ดูแลตัวเองอย่างไรก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ เราก็ดูแลเรื่องอาหาร กินยาให้ครบตามที่
หมอสั่ง ไปหาหมอตรงเวลาที่หมอนัดแล้วมันดีตรงที่แม่นั่งสมาธิด้วยค่ะ พอทำสมาธิแล้วอยู่คนเดียวเพื่อไม่ให้จิตฟุ้งซ่านด้วยวิธีศึกษาธรรม แอบคิดถึงอยู่
ตลอด แต่ว่าเราก็ต้องคุมจิตตัวเองให้ได้ คิดถึงก็คิดถึงแว่บๆ พอดูในทีวี เจอคนนั้นคนนี้ก็ชื่นใจ ถ้าจะถามว่าเหงาหรือไม่เหงา แม่เฉย เพราะว่าเรา
ปฏิบัติธรรมจนจิตนิ่งแล้ว แม่ก็จะเฉยไม่สุขไม่ทุกข์ไม่ทุรนทุราย สุขรู้ว่าสุข ทุกข์รู้ว่าทุกข์ ธรรมเป็นสิ่งที่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้ยึดผลงานที่ฝากไว้ก่อน
จะหยุดพัก เรื่องสุดท้ายเล่นตั้ง 3 เรื่อง (ความจำยังเป๊ะจริงๆ) ก็มี เคหาสน์สีแดง ของ ตู่ นพพล แล้วก็มี วนาลี ของ ตู่ ปิยวดี และอีกเรื่องหนึ่งคือ
มาลัยสามชายของเอ็กแซ็กท์ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้ถ่ายทำพร้อมๆ กันพอจบก็ไม่รับงานอะไรอีกเลยย้อนวันวานชีวิตทางการแสดงแม่เกิดในวงการนี้จากการเล่นหนังค่ะ
เล่นหนังประมาณเกือบพันเรื่อง เล่นละครพันกว่าเรื่อง ตอบได้เลยเพราะว่าจดไว้ ด้วยความที่เราเล่นเราไม่เลือกบทไงคะ ตอนที่เข้าวงการก็มีอาชาลี อินทรวิจิตร
กับป้าศรินทิพย์ ศิริวรรณ เป็นคนไปดึงแม่มาเล่นหนัง เขาเห็นแม่ไปตีปิงปองอยู่ที่ช่อง 4 บางขุนพรม แล้วก็ไปชวนมาเล่น โดยที่ไม่รู้ว่าเราเป็นบุตรใคร
พ่อก็อนุญาตคือตามใจเรา เพราะว่าชีวิตเราเป็นของเรา เขาชวนมาเล่นก็มา เลยต้องลาออกจากการเป็นครูแล้ว ก็มาเล่นหนัง มุมมองวงการบันเทิงสมัยก่อน
กับปัจจุบันแตกต่างกันเยอะเลยค่ะ เพราะว่าคนเยอะ เยอะเหลือเกินจนแม่ไม่รู้จัก เดินชนกันยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ตอนนี้ผู้สร้างเยอะมากนักแสดงเยอะมาก
แล้วความสัมพันธ์น้อย แต่ก่อนเจอกันก็กอดหอมกันเหมือนว่ากินนอนอยู่ด้วยกันแล้วก็มันเหมือนมีกลุ่มเดียวก็เป็นความสัมพันธ์ที่แน่หนามากแต่ว่าสมัยนี้มันเป็นฉาบฉวยไปแล้ว
