นักปั้นมือทอง ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’
สำหรับ ‘สมบูรณ์สุข นิยมศิริ’ หรือเป็นที่รู้จักกันในชื่อของ ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ ผู้กำกับภาพยนตร์ไทย และศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง(ภาพยนตร์และละครโทรทัศน์) ประจำปี
พ.ศ. 2558 ผู้มีชื่อเสียง อดีตเคย เป็นช่างวาดภาพป้ายโฆษณาภาพยนตร์ ก่อนมาเอาดีในด้านกำกับหนังแที่เคยกำกับภาพยนตร์ไทยดังๆ มากว่า 28 เรื่อง โดยในยุคแรกๆ นิยมตั้งชื่อ
ภาพยนตร์ด้วยคำพยางค์เดียวจนกลายเป็นเอกลักษณ์ ผลงานสร้างชื่อเสียง อาทิ ‘โทน, เงาะป่า’ ผลงานสร้างชื่อในยุคต่อมาได้แก่ ‘วัยอลวน’ ภาพยนตร์เรื่องเป็นหนังรักวัยรุ่น ใช้ดารา
หน้าใหม่นำแสดง คือ ‘ไพโรจน์ สังวริบุตร’ และ ‘ลลนา สุลาวัลย์’ ฉีกแนวภาพยนตร์ในยุคนั้น ทำผลตอบแทนได้จำนวนมาก ทำให้มีการสร้างภาคต่อ คือ ‘รักอุตลุด’ และ ‘ชื่นชุลมุน’
ตามมา ทั้ง ‘ไพโรจน์ สังวริบุตร’ และ ‘ลลนา สุลาวัลย์’ กลายเป็นดาราดังเปรี้ยงปร้างในชั่วข้ามคืน และผลงานของ ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ เป็นผู้บุกเบิกการใช้เทคนิคการเขียนภาพ
ด้วยสีโปสเตอร์ ยุคแรกๆ เปี๊ยกจะเซ็นชื่อว่า ‘เปี๊ยก’ ในใบปิดทุกเรื่อง แล้วต่อมาจึงเปลี่ยนมาใช้ตามฉายาที่ได้มาว่า ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ ผลงานในใบปิดหนังไทยยุค 16 ม.ม. ของ
‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ เช่น ‘เล็บครุฑ, แสงสูรย์, ธนูทอง, เสือ เหลือง’ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีนักเขียนรุ่นหลังอีกหลายคนที่ได้รับอิทธิพลการวาดมาจาก ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ เช่น ‘ทองดี ภานุมาศ,
บรรหาร สิตะพงศ์’ เป็นต้น ในช่วง ปี พ.ศ. 2511 ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ โปสเตอร์ได้ร่วมกับเพื่อนทำหนังสือเกี่ยวกับภาพยนตร์ไทยชื่อ ‘ดาราภาพ’ ซึ่ง ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ คลุกคลี
อยู่กับผู้สร้างดาราในกองถ่ายทำมาก่อน เพราะต้องไปถ่ายรูปดารา หาข้อมูลต่างๆ เพื่อเอามาเขียนคัทเอาท์ และใบปิดหนัง รับหน้าที่ข้อมูลในกองถ่ายทำและรูปดาราเพื่อทำหนังสือ และ ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’
ยังเขียนคอลัมน์ชื่อ ‘เงาจิตรกร’ เป็นการสอนวาดภาพแก่คนทั่วไป ด้วย ทำให้ ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ เดินทางเข้าสู่วงการภาพยนตร์ในฐานะผู้กำกับการแสดงภาพยนตร์ โดยความร่วมมือ
จากทีมงานหนังสือดาราภาพที่ถูกแฟนภาพยนตร์คะยั้นคะยอให้สร้างภาพยนตร์สักเรื่องหนึ่ง ซึ่ง ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ ก็ไม่ขัดข้อง แต่ต้องไม่ใช่ภาพยนตร์ 16 มม. อย่างที่ทำอยู่ในขณะนั้น
‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ และทีมงานต้องการพัฒนาการสร้างภาพยนตร์ให้เป็นระบบ 35 ม.ม. เสียงในฟิล์ม จึงให้เปี๊ยกเดินทางไปอบรมดูงานที่โรงถ่ายไดเอะประเทศญี่ปุ่นเป็นเวลา 4 เดือน
แล้วก็กลับมาเปิดกล้องกำกับภาพยนตร์ เรื่องแรกในชีวิตด้วยภาพยนตร์เรื่อง ‘โทน’ ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2513 ออกฉายครั้งแรก ที่โรงภาพยนตร์เฉลิมไทย ก็ประสบความสำเร็จเกินคาด
เพราะรูปแบบการสร้าง เนื้อเรื่องที่แตกต่างและงานสร้างที่มีความสมจริงกว่าระบบเดิม โดย ภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็ทำรายรับให้เขา กว่า 6 ล. ส่งผลให้ ‘ไชยา สุริยัน’ พระเอกของเรื่อง กลับมาแจ้งเกิด
ในวงการภาพยนตร์อีกครั้ง ส่วน ‘อรัญญา นามวงศ์’ ก็ได้รับงานแสดงมากขึ้น จึงทำให้ชื่อเสียงของ ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ ผู้กำกับหน้าใหม่ก็ติดอยู่ในวงการภาพยนตร์ตั้งแต่นั้นมา เช่นเดียวกันจน ‘เปี๊ยก โปสเตอร์’ ต้องตัดสินใจทิ้งพู่กันหันมาเอาดีทางกำกับภาพยนตร์ และมีผลงานติดต่อกันมาทุกปี
