ดาวร้ายอมตะ ‘ฤทธิ์ ลือชา’
หลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันดีกับชายคนนี้ ‘ฤทธิ์ ลือชา’ นักแสดงรุ่นใหญ่ อดีตดาวร้ายในวงการ โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงมานานกว่า 40 ปี แถมฝากผลงานในวงการบันเทิงทั้ง
ภาพยนตร์และละคร มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ปัจจุบันถึงแม้อายุจะเยอะแล้ว แต่ก็ยังไม่แก่เกินเรียน ‘ฤทธิ์ ลือชา’ ก็สามารถคว้าใบปริญญาเอกมาได้ในวัย 70 กว่าๆ โดย ‘ฤทธิ์ ลือชา’
จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ปริญญาโท รัฐศาสตรมหาบัณฑิต และปริญญาเอก รัฐศาสตรดุษฎีบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเดียวกัน
เรียกได้ว่าเก่งสุดยอดไปเลย แถมยังมีคำว่า ‘ด็อกเตอร์’ นำหน้า และถ้าพูดถึงเส้นทางในวงการบันเทิงของ ‘ฤทธิ์ ลือชา’ เริ่มเข้าสู่วงการการแสดงด้วยการได้รับการติดต่อจาก
กองถ่ายภาพยนตร์ให้ช่วยจัดหาสถานที่และอุปกรณ์ในการถ่ายทำที่จังหวัดสระบุรี เนื่องจากเป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ จึงถูกชักชวนให้เข้าวงการจาก ‘พร ไพโรจน์’ แสดงครั้งแรกใน
ภาพยนตร์เรื่อง ‘ข้ามาคนเดียว’ ในปี พ.ศ. 2521 โดยได้รับฉายาว่าเป็น ‘โอมาร์ ชารีฟเมืองไทย’ อีกด้วย เพราะ ‘ฤทธิ์ ลือชา’ มีรูปร่างสูงใหญ่และหนวดเคราที่เป็นเอกลักษณ์
และสไตล์เฉพาะตัว ส่วนทางด้านผลงาน ‘ฤทธิ์ ลือชา’ ก็ได้รับรางวัลมากมาย และเคยได้รับรางวัล ‘เมขลา’ มากถึง 8 รางวัลด้วยกัน จากละครโทรทัศน์เรื่องต่างๆ ภาพยนตร์
ที่สร้างชื่อเสียงก็มีมากมายหลายเรื่อง และบทส่วนใหญ่ที่ได้รับมักจะเป็นบททหาร ดุ คมเข้ม โดยในเรื่องหลังเขาได้ลงทุนโกนหนวดโชว์ใบหน้าที่เกลี้ยงเกลาหล่อเหลาเกินคาด
และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่ผู้ชมไม่น้อย ต่อมาได้เล่น ‘เรื่องแก้วขนเหล็ก ปี พ.ศ. 2526’ และ จอมเมฆินทร์ ในปี พ.ศ. 2528 ซึ่งบทบาทที่ได้รับก็มีความหลากหลาย
และมีรายชื่อนำแสดงในแทบทุกเรื่องในยุคหนึ่ง ทางด้านชีวิตครอบครัว ‘ฤทธิ์ ลือชา’ นั้น มีทายาทเป็นบุตรสาวและบุตรชายด้วยกันทั้งหมด 5 คน และด้านชีวิตการทำงานนั้น
ปัจจุบันถึงแม้จะไม่ได้เป็นดารานักแสดง เพราะด้วยอายุที่มากขึ้น ‘ฤทธิ์ ลือชา’ จึงหันไปทำกิจการหลายอย่าง อยู่ที่ จังหวัดสระบุรี บ้านเกิด และได้เป็นนายกสมาพันธ์ไก่ชนไทย
ส่งเสริมการเลี้ยงไก่ชน อีกด้วย และก่อนหน้านี้ ดาวร้ายอมตะ ‘ฤทธิ์ ลือชา’ ก็ได้เคยไปเล่าถึงประสบการณ์การถ่ายทำละคร ที่บอกเลยว่า บู๊สุดตัว ไม่ค่อยได้เปิดเผยให้ใครรู้มาก่อน
ในรายการหนึ่ง “เคยเจอประสบการณ์ผิดคิว สมัยก่อน ต้องเล่นเอง แสดงเอกหมด เพราะในอดีตไม่มีนักแสดงแทน ต้องแสดงด้วยตนเองทั้งหมดและไม่มีเอฟเฟคเหมือนปัจจุบันนี้
ซึ่งในฉากบู๊ ทางทีมงานต้องใช้ของจริงทั้งหมด ปรากฎว่า ทีมงานทำพลาด หวิดโดน และเข้าไปที่หน้าผากอย่างจังแต่โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แล้วก่อนหน้านั้นก็เจอปัญหาสุขภาพ
รู้สึกเหนื่อยทั้งที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ก็เลยรีบกลับไปหาหมอที่สระบุรี ปรากฎว่า มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ โชคดีที่วันนั้น เจอคุณหมอเก่ง จึงสามารถรักษาตัวจนมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ได้”
