‘มิลค์ เขมสรณ์’ สละโสดแล้ว
สำหรับ ‘มิลค์ เขมสรณ์ หนูขาว’ หลายๆ คน คงจะเห็นเธอบนหน้าจอโทรทัศน์ในฐานะผู้ประกาศข่าว และพิธีกร ที่เพิ่งจะประกาศสละโสด หลังจากคบหากับหนุ่มนอกวงการ ‘โอ๋ ปิยะทัต’ มานาน
กว่า 3 ปี ซึ่งภายในพิธีงานวิวาห์นี้ก็เป็นไปด้วยความเรียบง่าย ท่ามกลางความยินดีของครอบครัวและญาติสนิท มิตรสหายของทั้งสองฝ่ายไม่หวือหวามากนัก โดย ‘มิลค์ เขมสรณ์’
ผู้ประกาศคนดัง เผยว่า “ประทับใจเจ้าบ่าวตรงที่เป็นคนสบายๆเรียบง่าย และชอบศิลปะเหมือนกัน คุยกันถูกคอเรื่องทายาท ตกลงกันไว้แล้วว่า คงใช้ชีวิตคู่ด้วยกันสองคนจะดีกว่า” และ
ถ้าพูดถึงความสามารถของสาว ‘มิลค์ เขมสรณ์’ ก่อนหน้าที่เธอจะได้มารับหน้าที่ตรงนี้เมื่ออดีต ‘มิลค์ เขมสรณ์’ เป็นดารา และนางแบบมาก่อน ส่วนผลงานที่สร้างชื่อให้กับสาวสวย
คนนี้ก็มาจากภาพยนตร์ เรื่อง ‘เสียดาย’ ถูกฉายในปี พ.ศ. 2537ที่ได้ผู้กำกับมือทอง มากความสามารถอย่าง ‘มจ.ชาตรีเฉลิม ยุคล’ มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้อีกด้วย ส่วนเส้นทาง
ในวงการบันเทิงของ ‘มิลค์ เขมสรณ์’ นั้น ได้มีโอกาสถ่ายโฆษณาครั้งแรกตอนอายุได้เพียงแค่ 12-13 ปี เท่านั้น และเริ่มเล่นละครเรื่องแรกตอนอายุ 13 ปี ‘เรื่องเคหาสน์ดาว’
จนกระทั่งได้มีบทการแสดงครั้งแรกจากภาพยนตร์เรื่อง ‘ท่านขุนน้อยน้อย แห่งสยาม’ ในปี พ.ศ. 2536 จากนั้นได้มีชื่อเสียงโดยรับบทนำจากภาพยนตร์เรื่อง ‘เสียดาย’ จากนั้นก็
ได้มีผลงานการแสดงเข้ามาอีกต่อเนื่อง โดยจะรับบทเป็นตัวประกอบทั้งภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ เช่นเรื่อง ‘ไม้ดัด’ ได้แสดงประกบคู่กับ ‘หนึ่ง มาฬิศร์ เชยโสภณ’ และละคร
ทางช่องมากสี อีกหลายเรื่อง หลังจากนั้น ‘มิลค์ เขมสรณ์’ ก็ทำงานด้านวงการบันเทิงมาโดยตลอด แต่ก็มีช่วงที่พักงานแสดงไป 3 ปี เพื่อไปศึกษาต่อที่เมืองนอก โดย’มิลค์ เขมสรณ์’
เล่าว่า “ช่วงระหว่างเรียน ต้องศึกษาเกี่ยวกับข่าวเยอะมาก เพราะอาจารย์ให้ดูข่าวมาวิเคราะห์ในห้องเรียน เลยรู้สึกว่านักข่าวเป็นอาชีพที่น่าสนใจ เป็นส่วนผสมระหว่างงานบันเทิงที่เราเคย
ทำกับงานวิชาการที่เราชอบ มันเป็นส่วนผสมที่น่าสนใจดีค่ะ” คิดอย่างไรถึงตัดสินใจมาทำงานด้านอาชีพและสายงานนี้ “ตอนแรกก็ยังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง เพราะเราเคยเป็นดารามาก่อน
ตอนไปสมัครงานเราก็รอเรียกค่อนข้างนาน บางที่ก็ไม่รับเพราะไม่อยากได้ภาพจำที่เราเป็นดารา แต่เราก็สู้สมัครงานไปเรื่อยๆจนได้เป็นผู้ประกาศ ตอนแรกไปอ่านข่าวกีฬา แต่ก็ยังทำได้ไม่ค่อย
ดีเท่าไหร่ พักหลังๆ จึงไปเป็นคนแปลข่าวแทน และจุดพลิกผันในเส้นทางสายอาชีพนี้คือไปสมัครเป็นผู้ประกาศข่าว ต้องลงพื้นที่จริง และได้ไปประจำอยู่หน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง เราก็
จะอยู่ตามพื้นที่ อันนั้นเป็นงานหลักคือเป็นนักข่าว ส่วนงานเสริมคืออ่านข่าวในสตูดิโอซึ่งตอนนี้ก็ทำงานในวงการนี้มาเข้าปีที่ 6 แล้ว ก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง รวมไปถึงยุคสมัย
ของการนำเสนอตั้งแต่ยุคอนาล็อกมาเป็นทีวีดิจิทัลด้วย และบอกได้เลยว่ามาถึงจุดนี้มันไกลเกินฝันไปมาก มิลค์คิดว่าเรามาไกลในแง่ที่ว่าคนลืมภาพดาราของเราไปเยอะมากแล้ว เจอเรา เห็นเราเป็นผู้ประกาศ เป็นนักข่าว มิลค์รู้สึกประสบความสำเร็จ”
