บ้านและสวน
พระเอกเจ็ดสี ‘หรั่ง รัฐธรรมนูญ’
พระเอกเจ็ดสี ‘หรั่ง รัฐธรรมนูญ’
สำหรับ ‘หรั่ง รัฐธรรมนูญ ศรีฤกษ์’ หรือปัจจุบันเปลี่ยนชื่อสกุลใหม่เป็น ‘เพชรฎี ศรีฤกษ์’ ดารานักแสดงเริ่มต้นเข้าสู่วงการจากการเวทีประกวดนายแบบ ‘โดมอนแมน
เมื่อปี ค.ศ. 1997′ หลังจากนั้นก็เริ่มเข้าสู่วงการด้วยการแสดงละครกับช่องมากสี โดยการเป็นพระเอกของสังกัดนี้มากมาย และผลงานที่แจ้งเกิดทำให้ ‘หรั่ง รัฐธรรมนูญ’
เป็นที่รู้จักไปทั่งประเทศนั้นก็คือบทบาทของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ในคาแร็คเตอร์เซอร์ผมยาวจากละครเรื่อง “111 (ตองหนึ่ง), เบญจรงค์ห้าสี, เงิน เงิน เงิน, มะปรางชอบวี”
พูดถึงผลงานการแสดงก็ไม่ธรรมดาเมื่อย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีทีเดียวได้เล่นเป็นพระเอกประกบคู่กับนางเอกดังมากมายหลายคน ก่อนหน้านี้ ‘หรั่ง รัฐธรรมนูญ’ ก็ได้ให้
สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับเส้นทางในวงการบันเทิงและชีวิตผู้ชายคนนี้ก็เลือกที่จะหันหลังให้วงการแบบที่แฟนๆ ละครอาจจะยังไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด ปัจจุบัน ‘หรั่ง รัฐธรรมนูญ’
ก็ยังรับงานผลงานละครให้ได้เห็นหน้าค่าตาในวงการอีกครั้ง “ความใหม่ในตัวเราและเรื่องของคาแร็คเตอร์ ทั่วไปซึ่งเขาจะผมสั้นๆ กันมาฉีกแนวไปเลยก็ได้รับชื่อเสียงความดัง
อะไรต่างๆ ก็มาจากเรื่องนี้แหละ ที่ได้รับเรื่องแรกคือเป็นพระเอกในเรื่องนั้น ซึ่งคาแร็คเตอร์มันแตกต่างจากพระเอกคนอื่นในช่องนี้ พระเอกในยุคของผมนะค่อนข้างจะเหมือน
กับพระเอกในยุคก่อนๆ จะไม่ค่อยได้ไปไหนห้างก็ไปไม่ได้บางครั้งมันก็ต้องเก็บตัว เหมือนมันเป็นแนวทางของการเป็นพระเอกที่ดัง จะมีแฟนอะไรก็ไม่ได้เลยมันเป็นค่านิยมที่
เขาปฏิบัติกันมาก็แปลกดี ผมก็เลยใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยให้คนเห็นไม่ค่อยไปในที่สาธารณะเท่าไหร่ คือผมทำงานเสร็จก็กลับเข้าบ้านดูแลร่างกายตัวเองไม่ค่อยได้มาเดินห้างอะไร
เหมือนกับในปัจจุบันไม่ค่อยได้เปิดเผยตัวเองเท่าไหร่” ทำไมถึงไม่ค่อยรับงานในวงการ? “เราก็มีกิจกรรมค่อนข้างเยอะทำโน่นทำนี่ไม่ค่อยได้พักผ่อน และเกี่ยวกับเรื่องสุขภาพ
ขาก็ไม่ค่อยดี ก็เลยทำให้ตัวเองคิดว่าเฟสตัวออกไปก่อนมั้ย จริงๆ แล้วตอนที่เฟสตัวออกไปอาจจะเป็นเพราะว่าเรามีความรู้สึกว่าเราสุขภาพไม่ดี มันเป็นผลจากการทำงาน
หนักมากช่วงนั้น พูดถึงว่าเราอาจจะดูแลสุขภาพได้ไม่เต็มที่พอและช่วงนั้นเป็นช่วงวัยรุ่นปลายๆด้วย และก็สองบทบาทที่ได้รับค่อนข้างที่จะได้รับค่อนข้างจะอินดี้นิดนึงก็หมาย
ความว่าอาจจะเข้าใจไม่ค่อยตรงกับความคิดของผู้ใหญ่บ้าง ก็เลยทำให้ตัวเราหยุดไปและก็ไปเพื่อรักษาสุขภาพไปเปลี่ยนมุมมองของตัวเองครับ” แล้วช่วงที่ไม่ได้รับงานไปทำ
อะไรเพิ่มไหม? “ก็มีไปเรียนหนังสือบ้างครับจากที่เรียนไม่จบก็ไปเรียนให้จบปริญญาตรีและปริญญาโทที่มหาลัยเกริก และก็ไปทดลองทำกิจการที่ตัวเองอยากจะทำบ้างหรือ
เพื่อนๆ ตอนนั้นคิดว่าจะเปิดร้านอาหาร ทำอาหารสุขภาพ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะประสบความสำเร็จหรือว่าจริงจังอะไร ก็ยังพอเป็นผลตอบแทนที่พลัดเปลี่ยนเข้ามาทำให้เรามีชีวิตอยู่ได้ครับ”
