ปัจจุบัน ‘น้ำ ปริษา’

ปัจจุบัน ‘น้ำ ปริษา’

สำหรับอดีตนักแสดงดาราที่ย้อนเวลากลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่ผ่านมา ‘น้ำ ปริษา ปานะนนท์’ ดารานักแสดงดาวรุ่งที่คุ้นเคยกันในแวดวงของวงการโฆษณาและ

วงการบันเทิงในช่วงนั้น โดยก่อนหน้านี้ ‘น้ำ ปริษา’ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเธอเริ่มเข้าสู่วงการบันเทิงตั้งแต่เรียนอยู่ที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

และด้วยรูปร่างที่สูงโปร่งสะดุดตาแมวมองในสมัยนั้น จึงเตะตารุ่นพี่และได้เข้าสู่วงการโฆษณา วงการนางแบบ และหลังจากนั้นไม่นานก็ได้ร่วมแสดงฝีมือในการเล่นละคร

โทรทัศน์ และผลงานที่ทำให้เธอโด่งดังก็คือโฆษณาชิ้นหนึ่ง กับบทบาทของเลขานุการสาว ด้วยประโยคเด็ดที่ว่า ‘สมศรี อยู่มา 5 ปีแล้วค่ะ’ ส่วนผลงานการแสดงละคร

ก็มาจาก ‘เรื่อง โสมส่องแสง’ พอเริ่มทำงานในวงการได้สักระยะหนึ่ง เธอก็อยากที่จะเรียนต่อเพิ่มเติมเกี่ยวกับเบื้องหลังภาพยนตร์ ที่ลงทุนบินไปเรียนต่อถึงเมืองนอก

และก็ยังทำงานเกี่ยวกับความบันเทิง เกี่ยวกับศิลปะ และเอาวิชาความรู้ทั้งหมดมาผสมให้เข้ากัน เพื่อทำให้งานออกมาดียิ่งขึ้น จนได้กลับมาพัฒนางานเบื้องหลังความบันเทิง

ที่สังกัดช่องหนึ่ง และได้หันมาทำงานด้านการตลาดของช่องน้อยสี นานเกือบ 10 ปี เลยทีเดียว และผลงานเบื้องหลังของเธอเป็นที่โดดเด่นมากที่ได้นำเข้าละครพื้นบ้านของ

ประเทศเกาหลีเข้ามาลงจอทีวีสังกัดช่องน้อยสีอย่างเรื่อง ‘แดจังกึม’ อีกด้วย บอกเลยว่าไม่ธรรมดาจริงๆ สำหรับ ‘น้ำ ปริษา’ สาวมากความสามารถคนนี้ หลังจาก

สร้างผลงานจากช่องน้อยสีได้สำเร็จ เธอก็ไม่หยุดตามหาความฝัน โดยเธอเผยว่า “ด้วยความเป็นคนสู้ไม่ถอย บวกกับแนวคิดในการทำงานที่ว่า ไม่ว่าจะเป็นการเรียน

หรือทำงานต้องเต็มที่กับมันก่อน ต้องเริ่มจากการที่เรารักในงาน ทำแล้วรู้สึกสนุกกับมัน อยากที่จะเข้าใจงานให้มากขึ้น ก็ต้องตั้งใจให้มากๆ และถ้าเรามีการบริหารจัดการที่ดี

มีความอดทน ในที่สุดเราก็จะผ่านมันไปได้” ล่าสุดหันไปเอาดีด้านการบริหารของกิจการไปรษณีย์ ชื่อดังในประเทศไทย ที่อยู่คู่คนไทยมานานเป็นร้อยๆ ปีเลยทีเดียว ปัจจุบัน

ก็เป็นเวลากว่า 15 ปีแล้ว ที่ได้ทำงานด้านนี้มา และเมื่อเทคโนโลยีสมัยใหม่เริ่มเข้ามามีบทบาทและแทนที่งานต่างๆ ‘น้ำ ปริษา’ เผยเกี่ยวกับการทำงานในช่วงยุค

สมัยใหม่นี้ ไว้ว่า ” ในยุคปัจจุบันถือได้ว่าเป็นช่วงขาลงของงานไปรษณีย์ก็ว่าได้ เมื่อผู้คนเริ่มส่งจดหมายหากันน้อยลง และหันมาใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยกันมากขึ้น ฉะนั้น

ถ้ายังไม่ทำอะไรเลยก็คงอยู่ลำบาก ไปรษณีย์ไทยจึงต้องหาบริการใหม่ เข้ามาตอบสนองชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป จนตอนนี้ก็อยากที่มุ่งมัน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ภาพลักษณ์ภายนอกเท่านั้น

แต่ยังต้องสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนที่เข้ามาใช้บริการอีกด้วย ก็นับว่าเป็นเป้าหมายหลักของการจัดการในยุคนี้ และยังมุ่งขยายให้ทั่วถึงทั้งประเทศและบริการอื่นๆ อีก มาเสริมกับส่วนที่ขาดหายไป”